สะตอฟอร์ยู ::: สนับสนุนให้คนใต้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น!!!

สีเหลืองเข้มอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ชื่อ ลูทีน และ ซีเซนทีน ยิ่งนำไปต้มหรือย่าง สารตัวนี้จะยิ่งออกมาเยอะขึ้น!!!

งานวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ตีพิมพ์ใน วารสารการเกษตรและโภชนเคมี โดยสมาคมเคมีอเมริกัน กล่าวเอาไว้ว่า ในการต้มข้าวโพดหวานด้วยอุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียส ในเวลานานต่างกัน 10 นาที 25 นาที และ 50 นาที พบว่ายิ่งต้มนานจะทำให้มันมีสารต้านอนุมูลอิสระ หรือ ต้านมะเร็ง จาก 22 เปอร์เซ็นต์ 44 เปอร์เซ็นต์ และ 53 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ


สารต้านอนุมูลอิสระในข้าวโพด คือ กรดเฟอรูริก กรดชนิดนี้จะอยู่ตามผนังเซลล์ของข้าวโพด ถ้าเป็นข้าวโพดดิบ กรดเฟอรูริกตัวต้านมะเร็ง  จะไม่ค่อยออกมา แต่พอเอาไปต้มหรือย่าง กรดเฟอรูริก  จะออกมามากขึ้น เพราะผนังเซลล์ถูกความร้อนสลายไป จะช่วยปลดปล่อยกรดเฟอรูริกต้านมะเร็งออกมาได้เยอะขึ้น  การต้มนานๆ มีข้อดีคือ ปลดปล่อยสารต้านมะเร็งออกมามาก ทำให้แป้งที่ไม่ย่อยกลายเป็นแป้งที่ย่อยได้ดีขึ้น แต่ถ้าต้มนานจนเกินไปอาจทำให้ข้าวโพดเหลือแต่ไฟเบอร์


นอกจากนี้ข้าวโพดยังมีสารเหลืองที่เป็นของดี คือ สารต้านอนุมูลอิสระกลุ่ม ลูทีน และ ซีแซนทีน จะช่วยชะลอปัญหาจอประสาทตาเสื่อม หรือตาบอดจากจอตาเสื่อม ซึ่งกรดเฟอรูริกนอกจากพบในข้าวโพดแล้ว ยังพบในธัญพืชอื่นๆ เช่น ข้าว ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต เมล็ดกาแฟ ถั่วลิสง แอปเปิล ส้ม อาติโช้ค และสับปะรด


ข้าวโพดหวานที่คนไทยนำมารับประทานนั้น ในข้าวโพดอ่อนจะมีแป้ง กาก และสารต้านอนุมูลอิสระ และไม่ควรรับประทานสข้าวโพดดิบ  เพราะจะมีแป้งที่ไม่ย่อย ถ้ารับประทานเข้าไปจะทำให้ท้องอืด แป้งดังกล่าวจะไปหมักในท้อง สำหรับข้าวโพดต้มหรือย่าง แป้งที่ไม่ย่อยจะถูกย่อยง่ายขึ้น นอกจากนี้ข้าวโพดที่กำลังงอก เหมือนมีต้นอ่อนอยู่ในเมล็ดข้าวโพด จะมีสารกาบ้า ชนิดเดียวกับที่พบในข้าวกล้องงอก ซึ่งไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสมองอีกด้วย


สีของข้าวโพดที่แตกต่างกันตามสายพันธุ์ก็มีส่วนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น สีเหลือง สีเหลืองอ่อน สีม่วงดำ ก็ตามแต่ใครจะชอบ แต่ที่อยากแนะนำ คือ ให้รับประทานข้าวโพดสีค่อนข้างเข้ม เช่น เหลืองเข้มจะมีสารต้านอนุมูลอิสระ กลุ่ม “ลูทีน” และ “ซีแซนทีน” เยอะ ส่วนสีดำ หรือสีม่วงเข้ม เพราะจะมีสารโอพีซี เหมือนสารสกัดในเมล็ดอุง่น


สำหรับวัยเด็ก การทานข้าวโพดให้ประโยชน์อย่างมาก เพราะจะช่วยสร้างเซลล์ประสาทที่จอตา รวมถึงคนที่ใช้สายตาเยอะ นั่งหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ หรือโดนแดด ควัน และฝุ่นเยอะ จอประสาทตาอาจจะเสื่อมง่าย นอกจากนี้ในคนเป็นมะเร็ง หรือเป็นโรคอัลไซเมอร์ ก็ควรรับประทาน เพราะจะมีสารต้านอนุมูลอิสระเยอะ  ส่วนคนที่ไม่ควรรับประทานข้าวโพด คือ ผู้สูงอายุที่มีปัญหาท้องอืดบ่อย หรือว่าลำไส้ย่อยยาก รวมทั้งคนที่เพิ่งผ่าตัดช่องท้องมาใหม่ ๆ เพราะจะทำให้ท้องอืดได้ง่าย


ในส่วนของสาวๆ ที่กำลังหาตัวช่วยในการลดน้ำหนัก ข้าวโพดก็เป็นอีกตัวเลือกที่ช่วยคุณได้ หากไม่กินในปริมาณที่มากเกินไป ที่สำคัญการบริโภคข้าวโพดอ่อน ข้าวโพดหวานหรือข้าวโพดข้าวเหนียวยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยชะลอวัย ช่วยบำรุงสายตาและยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้อีกด้วย ยังไงก็กินในปริมาณที่พอเหมาะไม่งั้นอ้วนแน่ๆ