ย้อนอดีต วังเก่ายะหริ่ง
ย้อนอดีต วังเก่ายะหริ่ง
เรือนไม้กึ่งปูนสีเขียวลออตา สร้างขึ้นแบบสไตล์ยุโรป ผสมผสานศิลปกรรมพื้นเมือง และชวา ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองยะหริ่งในปัจจุบัน นับเป็นความภาคภูมิใจของชาวยะหริ่งยิ่งนัก เพราะสถาปัตยกรรมทรงคลาสสิคหลังนี้ ได้ทำหน้าที่ต้อนรับนักท่องเที่ยว ผู้มาเยือนจากต่างแดนอยู่เป็นกิจวัตร
นอกจากความงามสง่าของอาคารทรงโปร่ง ที่แซมลวดลายฉลุประดับประดาอย่างอ่อนหวาน ผนวกกับประโยชน์ใช้สอยที่รายรอบด้วยห้องหับนานา เป็นมนต์เสน่ห์ดึงดูดสายตาของนักท่องเที่ยวแล้ว ตำนานของวังแห่งนี้ก็ท้าทายให้มาค้นหาเรื่องราวได้ไม่แพ้กัน ด้วยมีอดีตเล่าขานเคียงคู่มา กับประวัติศาสตร์ของปัตตานี ช่วงเปลี่ยนผ่านสู่การปกครองในยุคปัจจุบัน เรียกกันว่ายุคการปกครองแบบ 7 หัวเมือง และนี่คือวังยะหริ่ง 1 ในวัง 7 หัวเมือง ที่ยังคงมีความสมบูรณ์มากที่สุดเมื่อเทียบกับวังอีก 6 แห่ง
วังยะหริ่ง ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี สร้างขึ้นเมื่อประมาณ ปี พ.ศ.2438 หรือ ตอนปลายสมัย ร.5 (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า) พระยาพิพิธ เสนามาตยาธิบดีศรีสุรสงคราม เป็นผู้สร้างวังยะหริ่ง ซึ่งเป็นเจ้าประเทศราชเมืองยะหริ่ง อันดับที่ 3 ในสมัยนั้น เป็นบุตรของพระยาพิบูล เสนานุกิจพิชิตเชษฐภักดี พระยาเมืองยะหริ่ง อันดับ 2 และพระยาเมือง อันดับแรก คือ นิยูโซ๊ะ หรือ ชาวบ้านส่วนใหญ่เรียกกันว่า "โต๊ะกี"
ประวัติเมืองยะหริ่ง มีข้อความในประชุม พงษาวดาร ฉบับความสำคัญอยู่ว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้พระยาสงขลา(เถี้ยนจ๋อง)ออกไปแยกเมืองปัตตานี ออกเป็น 7 หัวเมือง มีพระยาอภัยสงคราม และพระยาสงขลา ได้ไปจัดการแบ่งเขต เป็น 7 หัวเมือง คือ เมืองยะหริ่ง เมืองสายบุรี เมืองหนองจิก เมืองรามันท์ เมืองระแงะ เมืองยะลา ต่อมาได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า พระราชทานตราตั้งให้ นิยูโซ๊ะ หรือ โต๊ะกี เป็นพระยายะหริ่ง
ในบรรดาเจ้าเมืองทั้งหลายมีประวัติที่น่าสนใจอยู่คนหนึ่ง คือ พระยายะหริ่ง นิยูโซ๊ะ เมื่อขณะเกิดขบถที่ปัตตานี มีอายุเพียง 6 ปี มีความชอบกองทัพไทยที่ขึ้นมาปราบขบถมาก ชอบใจถึงกับว่า เมื่อกองทัพไทยกลับกรุงเทพฯ นิยูโซ๊ะ ก็ได้แอบตามเข้าไปกับกองทัพไทยด้วย จนกระทั่งกองทัพไทยมาถึงกรุงเทพฯ ก็ได้มีนายทหารไทยคนหนึ่ง จับได้ว่ามีเด็กลักลอบแอบติดตามมา กับกองทัพไทยมาถึงกรุงเทพฯ คือ นิยูโซ๊ะ นายทหารไทยคนนั้นจึงได้เอามาอุปถัมป์เลี้ยงดู และทำให้นิยูโซ๊ะ ถือศาสนาพุทธ จนกระทั่งเติบโตขึ้นมาได้บวชเป็นสามเณร แล้วพอครบอายุบวชก็ได้บวชเป็นพระภิกษุต่อไปอีกหลายพรรษา ได้เป็นถึงพระใบฎีกา จนกระทั่งสึกออกจากพระ ก็ได้เข้ารับราชการอยู่ในกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมารู้กันว่ามีเชื้อสายของพระยาเมือง จึงได้รับสัญญาบัตรเป็นพระยาเมืองยะหริ่ง ให้ออกไปครองเมือง และพยายามจัดระเบียบการปกครองแบบไทย เช่นคดีถ้อยความปรับใหม่ หรือ ตัดสิน ก็ใช้ตามพระราชกำหนดกฎหมายไทย ไม่ตัดสินตามคัมภีร์กูระอ่าน เป็นเหตุให้ทางปัตตานีและรามันท์ หันมาเอาอย่างบ้าง และปฏิบัติกันมาเป็นเวลานาน
ในเวลาต่อมาพระยายะหริ่ง นิยูโซ๊ะ มาคำนึงถึงว่า โดยส่วนตัวท่านเองนั้น ก็เป็นผู้มีเชื้อสายพระยาเมืองเดิมอยู่แล้ว และนับถือศาสนาอิสลาม มาแต่ปู่ ย่า ตายาย และโดยกำเนิด แต่มามีเหตุให้ท่านต้องมานับถือศาสนาพุทธ โดยที่ท่านเองต้องยอม ตามโดยสุดวิสัยเป็นเวลานาน และบัดนี้ท่านต้องมาปกครองบ้านเมืองเดิมของท่าน ซึ่งมีประชาชนมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ ถ้าท่านนับถือศาสนาพุทธ ท่านก็จะปกครองมุสลิมยาก ดังมีตัวอย่างมา จากประวัติศาสตร์ของเมืองยะหริ่ง ที่ล่วงมาแล้ว ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงเปลี่ยนจากการนับถือศาสนาพุทธ มานับถือศาสนาอิสลาม ตามชาติกำเนิดเดิมของท่าน ในเมื่อมุสลิมปกครองมุสลิมด้วยกัน เหตุการณ์จึงเป็นไปโดยความเรียบร้อย ไม่มีสิ่งใดเป็นปัญหา
จนกระทั่งท่านรายอ โต๊ะกี นิยูโซ๊ะ ถึงแก่อสัญกรรม ผู้ที่มาดำรงเป็นเจ้าเมืองต่อ คือ พระยาพิบูลย์ เสนานุกิจ และ พระยาพิพิธ เสนามาตย์ ต่อมาได้มีการเปลี่ยนการปกครองจากระบบสมบูรณาสิทธิราช มาเป็นระบบประชาธิประไตย
นี่คือประวัติโดยย่อของวังยะหริ่ง
ปัจจุบันนี้วังเก่าเจ้าเมืองยะหริ่ง ซึ่งสร้างขึ้นในสมัย ร.1 มีอายุนับร้อยๆ ปี ยังมีหลงเหลือกำแพงของวังเก่าของเมืองยะหริ่ง ให้เห็นไม่มากนัก เหลือเพียงความยาวของกำแพงวังเก่าเมืองยะหริ่ง เพียงความยาวประมาณ 3 เมตรเศษๆ เท่านั้น ซึ่งขณะนี้ทายาทรุ่นหลังๆ กำลังจะอนุรักษ์ไว้
ส่วนที่วังเจ้าเมืองยะหริ่งปัจจุบันนี้ยังมีให้เห็นอยู่ความสมบูรณ์มีอยู่เกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากอายุการสร้างที่วังของเจ้าเมืองยะหริ่งมีประวัติการสร้างมานานถึง 107 ปี แต่ภายในยังคงความเป็นสภาพเดิมๆอยู่ จะมีบางส่วนที่ผุไปตามสภาพของกาลเวลา ก็ได้มีการซ่อมแซมขึ้นมาใหม่บ้างในบางส่วน ซึ่งวังแห่งนี้อดีตเคยเป็นที่ตัดสินคดีต่างๆในยุคนั้นอีกด้วย ส่วนเครื่องโถ ถ้วย ชาม ยุคสมัย ร.5 ก็ยังมีการรักษาเก็บไว้ให้รุ่นลูกหลานได้ชมกัน
สิ่งหนึ่งที่ยังมีการอนุรักษ์ไว้นั้นก็คือการทอผ้าลายปัตตานี ก็ยังมีให้เห็นที่วังเจ้าเมืองยะหริ่งแห่งนี้ด้วย นับว่าสถานที่ดังกล่าวควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษา เรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์ของสมัยนั้นว่ามีความเป็นมาอย่างไร เพราะสภาพตัววังยังคงสภาพเดิมอยู่หลายส่วน ลายไม้ ฝีมือการก่อสร้างวังเจ้าเมืองในสมัยนั้นยังคงไว้ให้เห็นถึงความเจริญในยุคนั้นด้วย ส่วนสิ่งของจะสร้างในสมัย ร.5 เป็นส่วนใหญ่
วังยะหริ่งสร้างโดยพระยาพิพิธเสนามาตยาธิบดีศรีสุรสงครามในปี พ.ศ.๒๔๓๘ (ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ลักษณะรูปทรงเป็นอาคาร ๒ ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ แบบเรือนไทยมุสลิมผสมกับแบบบ้านแถบยุโรป ตัววังเป็นรูปตัวยู ชั้นบนภายในอาคารจัดเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ด้านข้างของตัวอาคารทั้ง ๒ ด้าน เป็นห้องสำหรับพักผ่อนของเจ้าเมือง และบุตรธิดาข้างละ ๔ ห้อง ชั้นล่างเป็นลานโล่งแบบใต้ถุนบ้าน ลักษณะเด่น คือ บันไดบ้านโค้งแบบยุโรป มีช่องแสงประดับด้วยกระจกสีเขียว แดงและน้ำเงินช่องระบายอากาศ และหน้าจั่ว ทำด้วยไม้ ฉลุเป็นลวดลายพรรณพฤกษา ตามแบบศิลปะชวา และตะวันตก ทำให้ตัววังสง่างามในปัจจุบันได้รับการดูแลจากเจ้าของวังอย่างดี โดยมีการบูรณะครั้งหลังสุดเมื่อปลายปี พ.ศ.๒๕๔๑ ปัจจุบันมีสภาพสมบูรณ์ ปัจจุบันเป็นบ้านพักของทายาท คือ คุณหญิงวุจจิรา เด่นอุดม
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : http://www.pattani.go.th/klang/palace.htm และ http://www.thaisouthtoday.com/index.php?file=story&obj=forum.topic.forprint(576)
และ http://www.thai-tour.com/thai-tour/South/pattani/data/place/picyaringpalace.htm
สะตอฟอร์ยูดอทคอม (Sator4U.com FC) on Facebook
Relate topics
- ตลาดปล่อยของ จ.ภูเก็ตตลาดนัดสุดบรรเจิดท่ามกลางบรรยากาศกลางแจ้งแบบสบาย ๆ ใน Limelight Avenue ใจกลางเมืองภูเก็ต ที่มีพื้นที่สำหรับปลดปล่อยสินค้าไอเดีย โดยภายในตลาดจะมีพ่อค้าแม่ขายมาวางของแฮนด์เมดดีไซน์เก๋ ๆ แฟชั่นแนว ๆ อาทิ
- 20 สถานที่ท่องเที่ยว "พังงา" ที่ชาตินี้ต้องไปเยือนให้ได้!!!แร่หมื่นล้านบ้านกลางน้ำถ้ำงามตา ภูพาแปลก แมกไม้จำปูน บริบูรณ์ด้วยทรัพยากร
- เจดีย์ปะการัง โบราณสถานเก่าแก่ของเมืองขนอม เชื่อกันว่ามีอายุมากกว่า 1000 ปีเจดีย์ปะการัง โบราณสถานเก่าแก่ของเมืองขนอม เชื่อกันว่ามีอายุมากกว่า 1000 ปี ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาธาตุ ในวัดจันทน์ธาตุทาราม เจดีย์เป็นรูปโอคว่ำ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5-6 เมตร สร้างขึ้นโดยนำหินปะการั
- มารู้จัก "โลมาสีชมพู" พระเอกแห่งท้องทะเลขนอม จ.นครศรีธรรมราช กันเถอะ! ก่อนอื่น! ลองมาทำความรู้จัก "ขนอม ...อัญมณีแห่งอ่าวไทย" กันสักฮี
- เจดีย์ไตรภพไตรมงคล หรือ เจดีย์สเตนเลสส์ ตั้งสถิตโดดเด่นเป็นสง่า อยู่บนยอดเขาคอหงส์เจดีย์ไตรภพไตรมงคล หรือเจดีย์สเตนเลสส์ อันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำด้วยวัสดุสเตนเลสส์ ตั้งสถิตโดดเด่นเป็นสง่า อยู่บนยอดเขาคอหงส์ ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 บ้านในไร่ ถนนปุณณกัณฑ์ ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหว
- เกาะรอก แม้จะเป็นเพียงเกาะเล็กๆ คู่กันสองเกาะ แต่มีธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่นักเกาะรอก ไกลจากเกาะลันตาใหญ่ออกสู่ทะเลกว้างอีก 47 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของเกาะรอก แม้จะเป็นเพียงเกาะเล็กๆ คู่กันสองเกาะ แต่มีธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่นัก เป็นเจ้าของหาดทรายขาว น้ำทะเลสีมรกต มีปะการังฝูงปลาหลา
- เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล"เกาะหลีเป๊ะ (Koh Lipe)" เป็นหนึ่งในหลายๆ เกาะของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา ซึ่ง หลีเป๊ะ จะตั้งอยู่สุดเขตแดนใต้ อยู่ในกลุ่มของหมู่เกาะอาดัง - ราวี และอยู่ห่างจาก ท่าเรือปากบารา 62 กิโลเมตร ตัวเกาะเ
- เที่ยวบากันใหญ่-หัวทาง กลางมรสุมอันดามันเที่ยวบากันใหญ่-หัวทาง กลางมรสุมอันดามัน (อ.ส.ท.) จริยา ชูช่วย...เรื่อง นภดล กันบัว...ภาพ “ไปทำไมอันดามันหน้ามรสุม” ปลายเดือนมิถุนายนไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยวของฝั่งอันดามันเป็นแน่ เกาะตะรุเตา เกา
- วิทยาลัยชุมชนสงขลา จัดกิจกรรมทดลองการนำเที่ยวเชิงนิเวศตำบลบ้านขาว อ.ระโนด นำร่อง การจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน “อเมซอนแห่งลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา”วิทยาลัยชุมชนสงขลา จัดกิจกรรมทดลองการนำเที่ยวเชิงนิเวศตำบลบ้านขาว อ.ระโนด นำร่อง การจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน “อเมซอนแห่งลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา” ที่จุดลงเรือ ตำบลบ้านขาว อ.ระโนด จ.สงขลา วิทยาลัยชุ
- เขาไข่นุ้ย ...จุดชมทะเลหมอกของพังงา อะเมซิ่งทะเลหมอกสุดเจ๋งเขาไข่นุ้ย ตั้งอยู่ที่ บ้านฝายท่า ต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา โดยทางอบต.ทุ่งมะพร้าวมีโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ด้วยการปรับพื้นที่ จัดแต่งภูมิทัศน์ให้เหมาะสม ปรับแต่งลานการเต็นท์ จัดสร้างห้องน