สะตอฟอร์ยู ::: สนับสนุนให้คนใต้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น!!!

ก่อนอื่น! ลองมาทำความรู้จัก "ขนอม ...อัญมณีแห่งอ่าวไทย" กันสักฮีดดีหวา เย้ยย! กันสักนิดดีกว่านะครับ

"ขนอมพร้อมมูล เทิดทูลคุณธรรม ถ้ำสวย รวยชายหาด น้ำตกหินลาด พระธาตุปะการัง ป่า เขา ทะเล คือเสน่ห์ของขนอม"

ขนอม เป็นอำเภอเล็กที่สุดและอยู่เหนือสุดของจังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองนครศรีธรรมราชประมาณ 100 กิโลเมตร และห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานีประมาณ 60 กิโลเมตร แต่เป็นเมืองที่มีชายทะเลยาว 32 กิโลเมตร มีอ่าวน้อยใหญ่จำนวน 16 อ่าว ขนอมจึงเป็นอำเภอหนึ่งที่มีทรัพยากรท่องเที่ยวมากมายที่โดดเด่น ตั้งแต่หาดทรายชายทะเลที่ล้อมรอบด้วยป่าเขาสูงบนคาบสมุทร ทิวทัศน์สวยงามอบอวลไปด้วยเสน่ห์แห่งวิถีชีวิตประมงพื้นบ้าน และมากด้วยวัฒนธรรม

ขนอม ยังได้ชื่อว่า เป็นอำเภอที่มีชายหาดที่สวยงามแห่งหนึ่งของภาคใต้ โดยเฉพาะ "หาดขนอม" ซึ่งมีความยาวหาดติดต่อกัน 2-3 หาด คือ หาดในแปร็ด หาดในเพลา และหาดปากน้ำ ซึ่งรวมกันเรียกว่า "หาดหน้าด่าน" เป็นหาดทรายยาวสลับโขดหินตั้งอยู่ระหว่างเขาที่ยื่นไปในทะเลทั้งด้านเหนือ และด้านใต้ริมฝั่งขนอมมีชายหาดน้อยใหญ่เรียงรายอยู่หลายแห่ง มีน้ำทะเลใสสะอาด เหมาะแก่การเล่นน้ำมาก ถ้าใช้ตำแหน่งที่ปากคลองขนอมไหลลงสู่ทะเลเป็นหลัก บริเวณทางตอนเหนือคลองขึ้นไปมีหาดทรายที่ต่อเนื่องกันได้แก่ หาดท้องชิง หาดแฝงเภา หาดท้องโหนด หาดท้องเนียน หาดนางกำ หาดขนอม

ส่วนทางตอนใต้ของคลองมีชายหาดที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง และชายหาดยาวที่สุดในเมืองนคร นั่นก็คือ "หาดในเพลา" ชายหาดที่มีชื่อเสียงมาก ลักษณะหาดเป็นแนวยาวโค้ง หาดทรายสีขาวหม่นยาวโค้งเป็นวงพระจันทร์ ยาวถึง 18 กิโลเมตร และมีภูเขาล้อมรอบ หาดนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศมาเที่ยว รวมถึงมาซื้อบ้านมากที่สุด ถึงจะมีการพัฒนาไปมากแต่ก็ถือว่าเงียบสงบกว่าที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังมีวัดเก่าแก่คือ วัดกระดังงา ให้เยี่ยมชมน้ำตก ไม่ไกลจาก วัดกระดังงา ก็มี น้ำตกเสม็ดชุน และ เขาพระ ซึ่งเป็นจุดชมวิวมองเห็นอำเภอและทะเลห่างจากหาด 4 กิโลเมตร

ขนอม ไม่เพียงแต่จะมีหาดทรายและทะเลสวย ๆ แต่เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ยาวนาน ขนอมเคยเป็นเมืองท่าเทียบเรือมาแต่โบราณ มีอายุกว่า 800 ปี ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอู่ทองแห่งกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ขนอมมีชื่อเรียกว่า "เมืองตระนอม" เป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองกว่าเมืองอื่น ๆ ที่ตั้งอยู่ในละแวกใกล้เคียง

เจดีย์ปะการัง โบราณสถานเก่าแก่ของเมืองขนอม เชื่อกันว่ามีอายุมากกว่า 1000 ปี

มาถึงหาดขนอมแล้ว! เอ้าไปแล เจ้าโลมาสีชมพู พระเอกของที่นี่กันเลยครับ

โลมาสีชมพู (Chinese White Dolphins)

โลมาสีชมพู (Suasa chinensis) มีชื่อเรียกอีกชื่อในหมู่นักวิชาการว่า โลมาขาวเทา และมีชื่อสามัญในภาษาอังกฤษหลายชื่อ เช่น Indo-Pacific hump-backed dolphins, Chinese white dolphins, Giant pandas of the sea มีชื่อท้องถิ่นเรียกว่า โลมาหลังโหนก มักพบอาศัยในเขตน้ำตื้นของทะเลชายฝั่งทั้งในเขต Tropical และ Subtropical โดยเฉพาะบริเวณปากแม่น้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีการกระจายกว้างมาก ตั้งแต่ฝั่งของจีนและพม่าไปจนถึงชายฝั่งออสเตรเลีย

ลักษณะเด่นของโลมาชนิดนี้คือ การมีสีเฉพาะตัว ในตอนเกิดมีสีเทาเหมือนโลมาทั่วไป แต่เมื่ออายุมากเม็ดเลือดกระจายมาชิดผิวหนังมากขึ้น จึงทำให้เห็นเป็นสีชมพู อาหารส่วนใหญ่ ได้แก่ ปลา กุ้ง ปลาหมึก มีการวิเคราะห์กันว่าสาเหตุที่พบโลมาชนิดนี้ในอ่าวขนอม เนื่องจากต้องการหลบมรสุมจากพื้นที่อื่นมาสู่บริเวณที่มีคลื่นลมสงบกว่า และต้องการติดตามกลุ่มอาหาร ได้แก่ ปลากด หรือปลาดุกทะเล


ทั้งนี้ โลมาสีชมพู หรือ ปลาโลมาเผือกหลังโหนก มีรูปร่างยาว ปากผอมยาว ยิ่งอายุมากปากจะจางลงเรื่อย ๆ โคนครีบหลังเป็นฐานกว้างโค้งลงด้านหลัง บางครั้งอาจมีฐานครีบกว้างถึงหนึ่งในสามของความยาวลำตัว มีอายุประมาณ 40-50 ปี ชอบอาศัยตามชายฝั่งปากแม่น้ำตลอดอ่าวขนอม แหล่งที่อยู่ประจำคือ บริเวณอ่าวเตล็ด และบ้านแหลมประทับ สามารถนั่งเรือเที่ยวชมระหว่างเดือนมีนาคม-ตุลาคม โดยขึ้นเรือได้จากอ่าวแขวงเภา และบ้านแหลมประทับ อีกทั้งยังคุ้นเคยและสนิทกับคน โดยเมื่อได้ยินเสียงเรือหางยาว จะว่ายน้ำเข้ามาหาทันที สร้างความประทับใจ

ล่องเรือทะเลขนอม จ.นครศรีธรรมราช หยอกล้อกับโลมาสีชมพูอย่างใกล้ชิด

การได้มาเที่ยวชมทะเลขนอมเพื่อชมปลาโลมาสีชมพู หรือ ที่เรียกกันว่าโลมาขาวเทา หรือ โลมาหลังโหนก ถือเป็นประสบการณ์หาที่อื่นไม่ได้ในประเทศไทย โดยเฉพาะที่หาดขนอมนี้ มีอยู่ประมาณ 50 ตัว  อาศัยอยู่เฉพาะบริเวณปากแม่น้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ อย่างเช่น บริเวณแหลมประทับและอ่าวแขวงเภา หาดขนอม เนื่องจากเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ จำพวก  ปลากด กุ้ง ปลาหมึก  ลักษณะเด่นของโลมาสีชมพูคือ การมีสีชมพูเฉพาะตัว ในตอนเกิดมีสีเทาเหมือนโลมาทั่วไป แต่เมื่ออายุมากสีขาวเผือกหรือสีชมพูจะเกิดขึ้นจากสีของหลอดเลือดที่ช่วยไม่ให้อุณหภูมิร่างกายสูงจนเกินไป จึงทำให้เห็นเป็นสีชมพูนั่นเอง

นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมปลาโลมานิยมออกเรือที่แหลมประทับในตอนเช้า โดยจะมีโอกาสพบทั้งโลมาสีเทาและโลมาสีชมพู แหวกว่ายเข้ามาปรากฏโฉมให้เห็นในระยะใกล้ชิด เรียกรอยยิ้มและเสียงเฮให้กับนักท่องเที่ยวให้กับความน่ารักและความน่าประทับใจของฝูงโลมาเหล่านี้ โลมาสีชมพูที่นี่มีความคุ้นเคยกับคน โดยจะติดตามเรือหางยาวเวลาติดเครื่องเรือและจะว่ายน้ำเข้ามาหาให้เห็นได้อย่างใกล้ชิด ปัจจุบันโลมาบางตัวมีความเชื่องมาก เนื่องจากชาวประมงและนักท่องเที่ยวนิยมให้อาหารปลาโลมา แต่ก็มีผลเสียคือมีผลต่อระบบนิเวศแลกกับการได้เห็นฝูงโลมาอย่างใกล้ชิด

การได้มาพบเห็นปลาโลมาสีชมพูเหล่านี้มักมีโอกาสพบเห็นได้ค่อนข้างมาก ยกเว้นช่วงที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ นักท่องเที่ยวที่เหมาเรือเที่ยว มักจะควบการดูปลาโลมาสีชมพูรวมไปกับการไปเยือนบ่อน้ำจืดที่อยู่กลางทะเล ตั้งอยู่บนเกาะนุ้ยไม่ไกลจากฝั่ง ที่นี่คือต้นกำเนิดตำนานหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด และแวะชมหินพับผ้าหรือ Pancake Rock หินรูปร่างประหลาดที่มีลักษณะคล้ายผ้าพับกัน ใช้เวลาเที่ยวรวมกัยประมาณ 2 ช.ม. ควรเตรียมหมวกและครีมกันแดดเพราะเรือบางลำไม่มีที่บังแดดให้

การเดินทางโดยทางรถยนต์ส่วนตัว / ทางไปท่าเรือแหลมประทับ

จากนครศรีธรรมราชมาตามถนนสาย 401 สุราษฏร์ธานี-นครศรีธรรมราช เลี้ยวเข้าถนนสาย 4014 เข้าอำเภอขนอม จากตัวเมืองขนอมจะผ่านสะพานข้ามคลองขุนนม ไปตามถนนสาย 4142 ไปตามป้ายบอกทางก็จะถึงจุดลงเรือแหลมประทับ ห่างจากตัวเมืองขนอมประมาณ 16 กิโลเมตร ห่างจากตัวเมืองนครศรีธรรมราชประมาณ 120 ก.ม.

จากสุราษฏร์ธานีมาตามถนนสาย 401 สุราษฏร์ธานี-นครศรีธรรมราช เลี้ยวซ้ายไปตามทางสาย 4142 ทางเดียวกับไปท่าเรือดอนสัก เมื่อเลยท่าเรือดอนสัก เมื่อเข้าสู่จังหวัดนครศรีธรรมราชให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย 4044 ไปตามเส้นทางก็จะถึงท่าเรือแหลมประทับ


การติดต่อ : ชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านแหลมประทับ  087 282 7761


ค่าเรือที่แหลมประทับลำละ 1,000 บาท / ค่าเรือที่อ่าวแขวงเภาลำละ 1,200 บาทนั่งได้ประมาณ 8 คน

คำแนะนำ!!! เพิ่มเติม


การมาเที่ยวชมปลาโลมาสีชมพูควรตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ เนื่องจากปลาโลมาเหล่านี้เป็นปลาที่อยู่ในธรรมชาติ การที่นักท่องเที่ยวซื้ออาหารปลาที่ขายบริเวณท่าเรือ ทำให้ปลาเปลี่ยนนิสัยการหากินได้ ในสมัยก่อนปลาโลมาเหล่านี้จะหากินกันเป็นฝูง มีการรวมฝูงเพื่อต้อนปลาด้วยการใข้เสียงสะท้อนโซนาร์ ปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่มาหาดขนอมจะมีโอกาสเห็นปลาโลมาเหล่านี้หากินด้วยวิธีนี้น้อยมาก จึงไม่มีโอกาสเห็นปลาโลมากระโดดพุ่งทะยานสู่เหนือน้ำสักเท่าไหร่ ปัจจุบันที่โลมานั้นเชื่องกับเสียงเรือด้วยสาเหตุที่ชาวประมงเวลาเข้าฝั่งจะนำเศษปลาที่ติดอวนมาโยนเลี้ยงปลาโลมา สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมมักคาดหวังจะเห็นปลาโลมาสีชมพูอย่างใกล้ชิด จึงซื้อเหยื่อปลาเล็กๆอย่างปลาจวด ปลาแมว ที่ขายให้แก่นักท่องเที่ยวบริเวณท่าเรือ มีการเป็นห่วงถึงการติดเชื้อของปลาหากปลาโลมาเหล่านี้ได้ทานไปเพราะปลาเหล่านี้ไม่ได้เป็นปลาที่ติดมาสดๆจากอวน สิ่งที่ตามมาคือการทำให้ความสามารถในการหากินตามธรรมชาติของปลาโลมาสีชมพูได้เสียไป ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศสิ่งแวดล้อมอย่างไม่รู้ตัว


ขอขอบคุณ @  รายการ NAVIGATOR ช่อง 3, สุขุม เร้าใจ. "โลมาขาวเทา หรือ โลมาสีชมพู ?" BRT Newsletter. ฉบับที่ 21 (ธ.ค. 2549) , สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ , Wikipedia, nakhontourism.org, การท่องเที่ยวและกีฬา (ททท.)