สะตอฟอร์ยู ::: สนับสนุนให้คนใต้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น!!!

หินสีสันสดใสที่นำมาเรียงร้อยเป็นสร้อยข้อมือสวยงามเหล่านี้ เป็นเครื่องประดับที่กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง หลังจากที่กระแสความนิยมหินสีเหล่านี้จางหายไปนานกว่า 10 ปี แต่เนื่องจากเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา เหล่าศิลปิน ดาราหลายท่าน ได้ใส่ออกสื่อกันมาก จึงกลายเป็นกระแสแฟชั่นไป นอกจากนั้นความเชื่อในพลังบำบัดของหินสีก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้เครื่องประดับหินสีเหล่านี้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง





จริงๆ แล้ว เรื่องของพลังหินบำบัดนั้นมีมาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณแล้ว โดย “บี วาศิษฐี เชาวนประเสริฐ” เจ้าของธุรกิจหินสียาวนานกว่า 10 ปี เล่าถึงความเป็นมาของหินสีว่า “คนสมัยกรีก โรมัน หรือแม้แต่อียิปต์ ไม่มียารักษาโรค เวลาไม่สบายขึ้นมา ก็จะกลับไปสู่ธรรมชาติ คือ ไปนั่งท่ามกลางธรรมชาติ การที่เราป่วยเจ็บไข้ เพราะเราขาดแร่ธาตุบางอย่างในตัว ที่ไม่สมดุล เมื่อกลับไปตรงนั้น จะดึงแร่ธาตุจากสิ่งรอบตัวมา ซึ่งคนโบราณจะใช้พวกหินสี เช่น กษัตริย์ฟาโรห์อียิปต์ จะแต่งเป็นเครื่องประดับตามตัว”

แม้จะเป็นเครื่องประดับสไตล์ผู้หญิง แต่ผู้ชายหลายคนก็แวะเวียนมาซื้อกันอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งหินสีที่ลูกค้าถามถึงมากที่สุดเป็นหินที่ให้พลังด้านความรัก เช่น อเมทิสต์ (สีม่วง) โรสควอตซ์ (สีชมพู) โรโดไนต์ (สีแดง) ส่วนอีกชนิดที่เป็นที่นิยมไม่แพ้กันก็คือ ด้านความมั่งคั่ง เช่น ไหมทอง ไพไรต์ รองลงมาก็จะเป็นด้านสุขภาพ เช่น อเวนเจอรีน ฟลูออไรต์ ส่วนใหญ่จะมีสีเขียว และด้านปัญญาอำนาจบารมี ลาพีส ลาซูรี (สีน้ำเงิน) เทอร์ควอยซ์ เป็นต้น

ส่วนตัวนี้ที่สีสวยๆ คือ Super 7 หรือว่าหินครอบจักรวาล เพราะมีแร่หายากถึง 7 ชนิด อยู่ในหินก้อนเดียว จะครอบคลุมทั้งเรื่องเงิน สุขภาพ ความรัก อีกตัวหนึ่งที่เป็นสีชมพูก็คือ โรสควอตซ์ ให้พลังบำบัดด้านระบบไหลเวียนโลหิต ด้านผิวพรรณ แต่ก็มีลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นนักสะสมหินหายากก็มาใช้บริการที่ร้านเช่นกัน โดยราคาอยู่ที่หลักร้อยจนถึงหลักหมื่น ตามประเภท ขนาด และลวดลายความสวยงามของหิน





เมื่อธุรกิจหินสีกำลังเป็นที่นิยมมาก แน่นอนว่าการแข่งขันทางธุรกิจย่อมเพิ่มมากขึ้น และสิ่งที่ลูกค้าต้องพึงระวังนั่นคือเกิดทฤษฎีใหม่ๆ อีกมากมายจากแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางโซเชียลมีเดีย หรือช่องทางอื่นๆ ที่ว่าหินสีสามารถทำให้เกิดสรรพคุณต่างๆ ได้อย่างมากมายหลายชนิด ซึ่งก็ควรใช้วิจารณญาณความเชื่อของแต่ละบุคคลและการศึกษาหาความรู้ด้วย.


ที่มา @ สำนักข่าวไทย