ขึ้นเขาตังกวน แลเมืองสงขลา
เขาตังกวน
"เขาตังกวน" เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.สงขลา เป็นเนินเขาสูง จากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,000 ฟุต ตังกวนเป็นภูเขาลูกเล็ก ๆ ตั้งอยู่บริเวณปลายแหลมในตัวเมืองสงขลา ทางไปแหลมสนอ่อน บนยอดเขาตังกวนเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์พระธาตุคู่เมืองสงขลา ซึ่งสร้างในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช เป็นศิลปะสมัยทวารวดี ในเดือนตุลาคมของทุกปีจะมีพิธีห่มผ้าองค์เจดีย์ ประเพณีลากพระและตักบาตรเทโว และยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองสงขลาและทิวทัศน์สองทะเล คือทะเลอ่าวไทยและทะเลสาบสงขลา และก่อนถึงยอดเขาตังกวนจะมีศาลาวิหารแดง (พลับพลาที่ประทับ) ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้พระยาวิเชียรคีรี (ชม) ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาในสมัยนั้น สร้างพลับพลานี้ถวายตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ.2431 บริเวณด้านล่างเขาตังกวนมีลิงอาศัยอยู่จำนวนมาก
การเดินทางขึ้นชมเขาตังกวน
สถานีลิฟท์เขาตังกวน การเดินทางขึ้นชมเขาตังกวนขึ้นได้ 2 ทาง คือทางบันไดซึ่งสร้างขึ้นพร้อมกับสถานที่ต่างๆ บนยอดเขา บันไดจะขึ้นไปยังศาลาพระวิหารแดง อีกทางหนึ่งเป็นทางขึ้นด้วยลิฟท์ที่สร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวจะตรงขึ้นไปยังพระเจดีย์หลวงยอดเขาตังกวนซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 105 เมตร เป็นทางที่นิยมกว่าเพราะประหยัดเวลาและกำลังกายด้วยครับ ที่หน้าสถานีลิฟท์เขาตังกวนมีลานจอดรถรองรับรถได้หลายคัน มีลิงอาศัยอยู่จำนวนมากเมื่อลงมาจากรถให้ระมัดระวังลิงแย่งชิงข้าวของ การเดินทางมาที่เขาตังกวนนั้นมาไม่ยากจากตัวเมืองสงขลามุ่งหน้ามาทางแยกสระบัวแหลมสมิหลาถนนสุขุม
ภายในสถานีลิฟท์เขาตังกวน เมื่อเดินเข้ามาด้านในแล้วก็ซื้อบัตรสำหรับขึ้นลิฟท์โดยสาร บัตรราคา 30 บาทเราต้องเก็บไว้แสดงในตอนขาลง ผนังด้านในอาคารสถานีลิฟท์จะมีรูปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของสงขลาเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เลือกเดินทางไปชมในอันดับต่อไป นอกจากนี้ยังมีขนม ของฝาก ของที่ระลึกหลายอย่างขายที่นี่ให้เลือกซื้อระหว่างรอลิฟท์ที่จะเดินทางมาจากด้านบนยอดเขา
ลิฟท์ขึ้นเขาตังกวน ภายในลิฟท์มีพื้นที่ให้ยืนได้ประมาณ 10 คน มีกระจก 4 ด้านมองเห็นรางที่ลิฟท์กำลังเลือนขึ้นไปอย่างช้าๆ กับแสงสว่างที่ลอดเข้ามาจากด้านข้างรู้สึกเหมือนเดินทางข้ามมิติ
ก้าวแรกบนยอดเขาตังกวน ลงจากลิฟท์เรายังอยู่ในสถานีที่ล้อมด้วยกระจก มองเห็นวิวแต่ไม่ชัดเท่าไหร่ต้องออกไปนอกสถานีก่อน ที่สถานีลิฟท์ยอดเขามีแต่เครื่องดื่มบางชนิดให้เราเลือกซื้อสำหรับติดตัวไประหว่างเดินชมสถานที่ต่างๆ บนยอดเขาตังกวนแม้ว่าวิวที่เห็นจากในกระจกจะมองไม่ชัดมากแต่ก็กดไปหลายรูปโดยเฉพาะวิวที่มองเห็นเกาะหนูเกาะแมว หลังจากที่เดินออกมาจากสถานี เมื่อถึงประภาคารก็จะเห็นผีเสื้อหลายชนิดบินหากินบนเขาตังกวน
วิวทะเลสาบสงขลา ด้านหนึ่งจัดเป็นมุมมีม้านั่งให้เป็นจุดที่มองเห็นวิวเบื้องล่างของสงขลาได้สวยงาม ด้านนี้เป็นด้านที่มองเห็นทะเลสาบสงขลาที่ครั้งหนึ่งเคยได้ไปถ่ายรูปที่สวนสองทะเลที่มีหัวพญานาคพ่นน้ำสวยมากๆ
ประภาคาร เป็นอาคารที่สำคัญอย่างหนึ่งของเขาตังกวนสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ.2439 ครั้งพระยาวิเชียรคีรี (ชม) เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา โดยสมเด็จพระบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้โปรดให้กรมทหารเรือทำเครื่องหมายประดับประกอบตัวโคมและส่งแบบฐานปูนให้ข้าหลวงออกมาจัดการก่อสร้างประภาคารตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในบริเวณที่พระยาวิเชียรคีรี (ชม ณ สงขลา) และพระยาชลยุทธโยธิน เป็นผู้เลือกสถานที่ ประภาคารนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2440
พระเจดีย์หลวง พระเจดีย์หลวงเป็นอีกหนึ่งในโบราณสถานที่สำคัญของเขาตังกวน พระเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทรงระฆัง สันนิษฐานว่าเป็นพระเจดีย์โบราณที่มีมานาน แต่ไม่ปรากฎหลักฐานความเป็นมาที่ชัดเจน จนต่อมาในปี พ.ศ.2402 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จพระราชดำเนินประพาสเมืองสงขลา หลังจากนั้นในปี พ.ศ.2409 จึงได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินหลวง 37 ชั่ง ให้เจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น) ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ให้สูงใหญ่กว่าของเก่า และในครั้งนั้น เจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น) ได้สร้างคฤห์ไว้ที่ฐานพระเจดีย์ และต่อเติมเก๋งที่มุมกำแพง พระเจดีย์หลวงเป็นพระเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองของสงขลาจึงมีการบูรณะซ่อมแซมมาโดยตลอด ในปีพ.ศ. 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุ และเครื่องสักการะบูชาประดิษฐานไว้ ณ พระเจดีย์หลวง เพื่อไว้เป็นที่สักการะบูชาของชาวเมืองสงขลาสืบต่อไป หลักฐานที่พบในแผ่นศิลาจารึกในคฤห์ทางด้านทิศใต้ขององค์พระเจดีย์หลวงมีข้อความว่า "...ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเงินหลวงให้พระยาวิเชียรคีรีฯ ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาที่ห้า ปุนะปฏิสังขรณ์ขึ้นให้สูงใหญ่กว่าของเก่า สิ้นเงินหลวงสามสิบเจดชั่งสี่ตำมลึง แต่คฤห์สองคฤห์กับเก๋งสี่มุมกำแพงแก้วเป็นของพระวิเชียรคีรีฯ ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ทำทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเข้าในพระเจดีย์หลวงคิดเป็นเงินสิบเอ็ดชั่งสามตำมลึง รวมทั้งเงินหลวงทำพระเจดีย์และเงินทำคฤห์ทำเก๋งเป็นเงินสี่สิบแปดชั่ง เจ็ดตำมลึง การทั้งนี้สำเร็จในปีขาน อัฐสกจุลศักราช พันสองร้อยยี่สิบแปดนี้..." ปัจจุบันแผ่นศิลาจารึกเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลา
พระสยามเทวาธิราชและพระพรหม การสักการะบูชาพระเจดีย์หลวงจะมีลำดับให้ประชาชนทราบโดยติดหมายเลขไว้ที่เก๋งทั้งสี่ทิศของพระเจดีย์หลวง เริ่มจากการสักการะพระสยามเทวาธิราชเป็นอันดับแรก พระพรหมเป็นลำดับที่ 2 ทั้งหมดมี 6 จุด แต่ละจุดให้บูชาธูป 3 ดอก ส่วนเทียนให้บูชา ณ จุดใดก็ได้ตามศรัทธา รอบๆ พระเจดีย์หลวงมีตะเกียง 8 ดวง สำหรับให้จุดธูปเทียน
หลวงปู่ทวดและสมเด็จฯ โต เป็นลำดับการบูชาที่ 3 และ 4 ตามลำดับการบูชาพระเจดีย์หลวง เลขหมายที่ปรากฎอยู่ที่เก๋งจะเป็นการนำทางให้เดินลักษณะเวียนขวารอบพระเจดีย์หลวงส่วนจะเดินจนครบ 3 รอบหรือไม่ขึ้นอยู่กับเราไม่ได้กำหนด พระบรมรูป เป็นจุดบูชาลำดับที่ 5 พระเจดีย์หลวงด้านข้าง เมื่อสักการะพระบรมรูป ณ จุดที่ 5 เสร็จแล้วก็เดินไปยังจุดที่ 6 คือการบูชาพระธาตุเจดีย์หลวง อยู่ติดกับพระเจดีย์หลวงด้านตรงกันข้ามกับพระบรมรูป บูชาพระธาตุเจดีย์หลวง มีพระพุทธชินราชจำลองประดิษฐานอยู่ ให้ว่าตามคำบูชาพระธาตุที่เขียนบอกไว้ให้ เป็นอันสิ้นสุดการบูชาพระเจดีย์หลวง ครบทั้ง 6 จุดตามลำดับที่บอกไว้ตรงทางเข้า
ลานชมวิวหน้าพระเจดีย์หลวง ด้านหนึ่งของพระเจดีย์หลวงสร้างเป็นลานกว้างยื่นออกไปยาวมาก เดินไปสุดลานนี้จะมีม้านั่งให้นั่งชมวิว แต่ถ้ามากันตอนกลางวันเที่ยงๆ ไม่แนะนำให้นั่งตรงนี้เพราะแดดแรงมาก ความจริงคนที่ขึ้นมาบนนี้ก็ไม่ค่อยเดินบนลานนี้กันเท่าไหร่ นอกจากเวลาช่วงเช้าหรือเย็นเท่านั้น ลานชมวิวแห่งนี้มีรูปหลวงปู่ทวดอยู่กลางลานบนฐานที่ยกสูงขึ้นไป
วิวสวยเมืองสงขลา ลานชมวิวหน้าพระเจดีย์หลวงจะมองเห็นตัวเมืองสงขลาได้กว้างไกลมากๆ โดยด้านขวามือและซ้ายมือเป็นน้ำทะเลสาบและทะเลขนาบสองข้าง พอดีเลนส์กว้างไม่พอเลยเห็นน้ำเพียงด้านเดียว
บริเวณรอบพระเจดีย์หลวง จากลานชมวิวตรงนี้ก็ต้องเดินย้อนกลับไปที่พระเจดีย์หลวง ซึ่งจะมีทางเดินไปยังสถานที่อื่นๆ กันต่อไป
ศาลาพระวิหารแดง จากลานพระเจดีย์หลวงมีทางเดินลงบันไดมายังศาลาพระวิหารแดง ซึ่งหากเดินทางขึ้นเขาตังกวนด้วยบันไดจะถึงศาลาพระวิหารแดงก่อน แล้วจากนั้นค่อยเดินขึ้นบันไดไปยังพระเจดีย์หลวง บันไดขึ้นลงระหว่างศาลาพระวิหารแดงกับพระเจดีย์หลวงแยกออกเป็น 2 ทาง มีพญานาคเลื้อยราวบันได เฉพาะช่วงระหว่างพระเจดีย์หลวงลงมายังศาลาพระวิหารแดงก็ไกลพอสมควรแล้ว หากเดินตลอดทางไปถึงเชิงเขาตังกวนคงเหนื่อยไม่น้อย
ศาลาพระวิหารแดงด้านหลัง เมื่อเราเดินลงมาจากข้างบนยอดเขาจะมาถึงศาลาพระวิหารแดงทางด้านหลัง แต่ศาลาพระวิหารแดงนี้สร้างในลักษณะสี่เหลี่ยม มองด้านหน้าหรือด้านหลังแทบจะไม่แตกต่างกันเลยยกเว้นงานปูนปั้นลวดลายบนหน้าบันของศาลา ด้านหลังจะเห็นเป็นรูปวงกลม เมื่ออ้อมไปดูด้านหน้าก็จะมีศาลาพระวิหารแดงมุมเฉียง ทางเดินรอบศาลาพระวิหารแดงปูอิฐรอบทั้งสี่ด้านเหมือนกันหมดมีกำแพงเล็กล้อมรอบอีกชั้นหนึ่ง
ศาลาพระวิหารแดงด้านหน้า ประวัติการก่อสร้างศาลาพระวิหารแดง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริให้สร้างพลับพลาที่ประทับนี้แต่ยังคงสร้างค้างอยู่ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2432 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสแหลมมลายูถึงเมืองสงขลา พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินขึ้นนมัสการพระเจดีย์บนยอดเขาตังกวน มีพระราชศรัทธาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างศาลาพระวิหารจนสำเร็จในเวลาต่อมา แล้วยังทรงพระราชดำริให้สร้างบันไดนาคขึ้นจากพลับพลา สำเร็จเรียบร้อยในปี พ.ศ. 2440
วิวสวยหน้าศาลาพระวิหารแดง พลับพลาที่สร้างขึ้นตั้งแต่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หันหน้าพลับพลาไปด้านเชิงเขาด้านหนึ่งของเขาตังกวน เป็นบริเวณที่วิวเปิดเห็นทิวทัศน์ได้ไกล และสวยงามมากภายในศาลาพระวิหารแดง ลักษณะการก่อสร้างภายใน เป็นเสามีช่องทางเดินทะลุถึงกันแต่ละช่องมีขนาดเท่ากันและเป็นแบบเดียวกันทั้งหมดอย่างที่เห็นในภาพนี้เลยครับมองจากด้านหน้าจะทะลุไปจนถึงด้านหลัง มองจากด้านข้างด้านหนึ่งจะทะลุไปจนถึงอีกด้านหนึ่ง ช่องทางด้านหน้าและด้านหลัง ช่องทางเดินเข้าออกศาลาพระวิหารแดง คงไม่เรียกว่าประตูเพราะไม่มีทั้งบานประตูและบานหน้าต่าง ด้านหลังเป็นทางไปบันไดนาคขึ้นยอดเขาตังกวนและพระเจดีย์หลวง ช่องด้านหน้าเป็นทางเดินลงไปเชิงเขาทางบันได
จุดนั่งชมวิวเขาตังกวน หลังจากที่ได้เดินลงไปที่ศาลาพระวิหารแดงแล้วก็เดินย้อนขึ้นมาบนยอดเขาบริเวณลานพระเจดีย์หลวง และประภาคาร เก็บภาพวิวรอบๆ อีกสักรอบแล้วจะเดินทางลงลิฟท์กลับ วิวแหลมสนอ่อน จากยอดเขาตังกวนก็จะมองเห็นวิวได้หลายด้านรอบๆ เมืองสงขลา วิวเกาะหนูเกาะแมว หลังจากพยายามเก็บภาพวิวรอบๆ ยอดเขาตังกวนจนเป็นที่พอใจแล้วก็กลับไปที่สถานีลิฟท์เขาตังกวนเพื่อรอให้ลิฟท์พาคนขึ้นมาเราจะได้เดินทางลง
มีบริการลิฟท์ขึ้นยอดเขา ค่าบริการลิฟท์ขึ้นสู่ยอดเขา : เด็ก (ความสูง 120 เซนติเมตร) 20 บาท ผู้ใหญ่ คนละ 30 บาท หรืออาจเดินเท้าขึ้นไปตามบันไดนาคก็ได้
เปิดบริการ : วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 10.00-19.00 น. ในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 8.00-19.00 น.
ติดต่อสอบถาม : 0-7431-6330
การเดินทางไปเขาตังกวน อ.เมือง จ.สงขลา
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพสวยๆจาก : http://www.oknation.net/blog/president/gallery/25879 และ http://www.cityvariety.com/citytravel-5314.html และ http://touronthai.com/gallery/placeview.php?place_id=74000006
สะตอฟอร์ยูดอทคอม (Sator4U.com FC) on Facebook
Relate topics
- ตลาดปล่อยของ จ.ภูเก็ตตลาดนัดสุดบรรเจิดท่ามกลางบรรยากาศกลางแจ้งแบบสบาย ๆ ใน Limelight Avenue ใจกลางเมืองภูเก็ต ที่มีพื้นที่สำหรับปลดปล่อยสินค้าไอเดีย โดยภายในตลาดจะมีพ่อค้าแม่ขายมาวางของแฮนด์เมดดีไซน์เก๋ ๆ แฟชั่นแนว ๆ อาทิ
- 20 สถานที่ท่องเที่ยว "พังงา" ที่ชาตินี้ต้องไปเยือนให้ได้!!!แร่หมื่นล้านบ้านกลางน้ำถ้ำงามตา ภูพาแปลก แมกไม้จำปูน บริบูรณ์ด้วยทรัพยากร
- เจดีย์ปะการัง โบราณสถานเก่าแก่ของเมืองขนอม เชื่อกันว่ามีอายุมากกว่า 1000 ปีเจดีย์ปะการัง โบราณสถานเก่าแก่ของเมืองขนอม เชื่อกันว่ามีอายุมากกว่า 1000 ปี ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาธาตุ ในวัดจันทน์ธาตุทาราม เจดีย์เป็นรูปโอคว่ำ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5-6 เมตร สร้างขึ้นโดยนำหินปะการั
- มารู้จัก "โลมาสีชมพู" พระเอกแห่งท้องทะเลขนอม จ.นครศรีธรรมราช กันเถอะ! ก่อนอื่น! ลองมาทำความรู้จัก "ขนอม ...อัญมณีแห่งอ่าวไทย" กันสักฮี
- เจดีย์ไตรภพไตรมงคล หรือ เจดีย์สเตนเลสส์ ตั้งสถิตโดดเด่นเป็นสง่า อยู่บนยอดเขาคอหงส์เจดีย์ไตรภพไตรมงคล หรือเจดีย์สเตนเลสส์ อันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำด้วยวัสดุสเตนเลสส์ ตั้งสถิตโดดเด่นเป็นสง่า อยู่บนยอดเขาคอหงส์ ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 บ้านในไร่ ถนนปุณณกัณฑ์ ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหว
- เกาะรอก แม้จะเป็นเพียงเกาะเล็กๆ คู่กันสองเกาะ แต่มีธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่นักเกาะรอก ไกลจากเกาะลันตาใหญ่ออกสู่ทะเลกว้างอีก 47 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของเกาะรอก แม้จะเป็นเพียงเกาะเล็กๆ คู่กันสองเกาะ แต่มีธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่นัก เป็นเจ้าของหาดทรายขาว น้ำทะเลสีมรกต มีปะการังฝูงปลาหลา
- เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล"เกาะหลีเป๊ะ (Koh Lipe)" เป็นหนึ่งในหลายๆ เกาะของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา ซึ่ง หลีเป๊ะ จะตั้งอยู่สุดเขตแดนใต้ อยู่ในกลุ่มของหมู่เกาะอาดัง - ราวี และอยู่ห่างจาก ท่าเรือปากบารา 62 กิโลเมตร ตัวเกาะเ
- เที่ยวบากันใหญ่-หัวทาง กลางมรสุมอันดามันเที่ยวบากันใหญ่-หัวทาง กลางมรสุมอันดามัน (อ.ส.ท.) จริยา ชูช่วย...เรื่อง นภดล กันบัว...ภาพ “ไปทำไมอันดามันหน้ามรสุม” ปลายเดือนมิถุนายนไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยวของฝั่งอันดามันเป็นแน่ เกาะตะรุเตา เกา
- วิทยาลัยชุมชนสงขลา จัดกิจกรรมทดลองการนำเที่ยวเชิงนิเวศตำบลบ้านขาว อ.ระโนด นำร่อง การจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน “อเมซอนแห่งลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา”วิทยาลัยชุมชนสงขลา จัดกิจกรรมทดลองการนำเที่ยวเชิงนิเวศตำบลบ้านขาว อ.ระโนด นำร่อง การจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน “อเมซอนแห่งลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา” ที่จุดลงเรือ ตำบลบ้านขาว อ.ระโนด จ.สงขลา วิทยาลัยชุ
- เขาไข่นุ้ย ...จุดชมทะเลหมอกของพังงา อะเมซิ่งทะเลหมอกสุดเจ๋งเขาไข่นุ้ย ตั้งอยู่ที่ บ้านฝายท่า ต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา โดยทางอบต.ทุ่งมะพร้าวมีโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ด้วยการปรับพื้นที่ จัดแต่งภูมิทัศน์ให้เหมาะสม ปรับแต่งลานการเต็นท์ จัดสร้างห้องน