สะตอฟอร์ยู ::: สนับสนุนให้คนใต้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น!!!

ในปี 1636 ดอกทิวลิบจากประเทศ Turkey เข้ามาวางขายเป็นครั้งแรกที่ประเทศ Holland ชาวดัชต์พากันแตกตื่นในความงามของดอกไม้ชนิดใหม่ที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้ราคาของดอกทิวลิบพุ่งขึ้นเป็นจรวด เพราะคนดัชต์แห่กันไปซื้อเหมือนกับตื่นทอง ในขณะที่สินค้าที่วางขายมีอยู่จำกัดจำเขี่ย

ราคามันพุ่งขึ้นสูงกว่าราคาทองในสมัยนั้นเสียอีก

คนดัชต์ทุกคนกลัวตกรถไฟแห่งความร่ำรวย ผลก็คือยิ่งซี้อ ราคาก็เพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ

จนในที่สุดผู้คนต้องการทำกำไรจากราคาที่สูงเกินเหตุ เมื่อมีคนแรกขาย ก็มีคนที่สอง และคนที่สาม

จนกลายเป็นคนหมู่มากทุ่มขาย

ผลคือราคาลดลงแบบดิ่งนรก

เพราะมีแต่คนขาย

แล้วหาคนซื้อไม่ได้ เพราะคนซื้อกลัวว่าราคาที่ซี้อวันนี้มันจะแพงว่าราคาของวันพรุ่งนี้

ความน่าตกใจของเรื่องนี้คือผู้คนสูญเงินออมแบบหมดตัว แล้วเหลีอแต่ดอกทิวลิบเก็บไว้ดูต่างหน้า

ตั้งแต่ผมเป็นเด็ก ผมเห็นปรากฏการณ์อย่างนี้มาจนชินในสังคมไทย จนตั้งคำถามว่าทำไมผู้คนชอบทำอะไรแบบแห่ตามกัน จนเกิดอาการตื่นตระหนกทางใจที่สร้างความเสียหายกับเงินในกระเป๋าของผู้คน และเศรษฐกิจของประเทศ

Sir Issac Newton ถือได้ว่าเป็นคนที่ฉลาดมาก ๆ คนหนึ่งเมื่อสามร้อยกว่าปีที่แล้ว เขาเป็นคนค้นพบกฏของแรงโน้มถ่วงโลก เขาประดิษฐ์กล้อง Telescope และสร้างผลงานอื่น ๆ อีกมากมาย

ในปี 1720 เขาลงทุนในบริษัท South Sea ตอนที่ราคาหุ้นของบริษัทนี้เท่ากับ 128 ปอนด์ต่อหนึ่งหุ้น

หลังจากนั้นราคากระโดดไปที่ 175 ปอนด์ต่อหนึ่งหุ้น และเดินหน้าไปที่ 300 ปอนด์

Newton ทราบดีว่าราคาหุ้นไม่มีทางที่จะขึ้นแบบไม่รู้จบ ดังนั้นเขาขายหุ้นเพื่อทำกำไร

ปรากฏว่าเขาคิดผิด ราคาพุ่งไปถึง 1,000 ปอนด์

ทราบไหมครับ Sir Issac Newton ทำอะไร

เขากลับเข้าไปซี้อหุ้น South Sea อีกครั้งหนึ่ง โดยครั้งนี้เขาทุ่มสุดตัว

ข่าวร้ายก็คือเมื่อเขากลับไปซื้อ เป็นตอนที่คนส่วนใหญ่แห่กันขายหุ้นตัวนี้

หลังจากนั้นเกิดเหตุการณ์ฟองสบู่ของ South Sea แตก

คนที่ฉลาดที่สุดคนหนึ่งของโลกต้องรับเคราะห์จากการเป็นแกะขาว เขาสูญเงินไป 20,000 ปอนด์ ซึ่งเทียบเท่ากับเงิน 3 ล้านปอนด์ในมูลค่าของปัจจุบัน

Sir Issac Newton บอกว่าเขาสามารถคำนวณการเดินทางของดวงดาวได้ แต่เขาไม่สามารถคาดเดาถึงความบ้าคลั่งของผู้คนอันเกิดจากพฤติกรรมกลุ่ม


Cr. // Blacksheeprunbusiness