สะตอฟอร์ยู ::: สนับสนุนให้คนใต้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น!!!

อันตรายจากปลาซัลมอน

by sator4u_team @9 ก.พ. 57 00:30 ( IP : 180...182 ) | Tags : สุขภาพ
photo  , 650x488 pixel , 120,848 bytes.

ปลาในดวงใจที่ชอบก็คือปลาจะละเม็ด ปลาทู และปลาแซลมอน

จำได้ว่ากินปลาแซลมอนครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อนในต่างแดน อาหารเย็นมื้อนั้นเพื่อนฝรั่งพาไปกินปลาแซลมอนรมควัน ผมยังนึกสงสัยอยู่ในใจว่า ปลาอะไรหนอ เนื้อสีส้มอมชมพูแสนสวย พอได้ชิมเนื้อปลาแล้วก็เริ่มติดใจในรสชาติขึ้นมา เมื่อกลับมาเมืองไทยก็ยังหาโอกาสกินปลาแซลมอนบ้าง แต่ไม่บ่อยนัก เพราะตอนนั้นราคาปลาแซลมอนในเมืองไทยจัดว่าค่อนข้างแพง

นาน ๆ ครั้ง เพื่อนพาไปกินอาหารญี่ปุ่น อันดับแรกที่ต้องสั่งคือซาชิมิปลาแซลมอนจิ้มวาซาบิ เพื่อนสั่งปลาดิบมาให้กินกี่จาน ๆ ก็กินหมดจนพุงกาง หากวันไหนเพื่อนพาไปร้านอาหารฝรั่ง ก็จะต้องสั่งปลาแซลมอนรมควัน จนกลายเป็นอาหารจานโปรดไปเสียแล้ว

เพื่อนผมเคยบอกว่า สงสัยชาติที่แล้วผมคงเกิดเป็นหมีสีน้ำตาลแถวอะแลสกา ที่ชอบกินป! ลาแซลมอนตามลำธารเวลาที่มันอพยพขึ้นมาวางไข่

ผมชอบกินปลาแซลมอนเพราะเนื้อไร้กลิ่นคาว เวลาเคี้ยวก็รู้สึกได้ถึงความลื่นมัน ได้รสธรรมชาติแสนเอร็ดอร่อย และต้องกินแบบไม่ปรุงแต่ง ถ้าเอาปลาไปนึ่งหรือทอด รสชาติก็สู้กินแบบดิบ ๆ ไม่ได้

จนกระทั่ง ๔-๕ ปีให้หลัง ผมสังเกตเห็นว่ามีการนำเนื้อปลาแซลมอนเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรามากขึ้น ราคาก็ไม่แพงเหมือนในอดีต สมัยก่อนอาจมีจำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เกตชั้นนำไม่กี่แห่ง แต่ตอนนี้ตลาดติดแอร์แทบทุกแห่งจะมีเนื้อปลาแซลมอนวางขาย เคียงคู่กับเนื้อปลากะพง ปลาเก๋า ในราคาไม่แตกต่างกัน และดูเหมือนว่าจะถูกกว่าเนื้อปลาจะละเม็ดเสียอีก

กล่าวคือเนื้อปลาแซลมอนที่เคยขายกันกิโลกรัมละ ๗๐๐-๘๐๐ บาท บัดนี้เหลือเพียงกิโลกรัมละ ๓๐๐-๔๐๐ บาท ขณะที่เนื้อปลาจะละเม็ดขนาดใหญ่ยังคงยืนราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ ๔๐๐-๕๐๐ บาทขึ้นไป

เมื่อเห็นว่าปลาแซลมอนส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศทางยุโรป ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก วันไหนพอมีเวลาก็แวะซูเปอร์มาร์เกตซื้อปลาแซลมอนมากินเล่น พลางดูรายการสารคดีชีวิ! ตปลาแซลมอนที่ต้องว่ายน้ำข้ามทะเลหลายพันไมล์เพื่อขึ้นมาวางไข่ออกลูกหลาน ที่ต้นลำธาร ดูแล้วก็นึกเอาเองว่าปลาแซลมอนที่เรากินคงต้องเป็นปลาที่พลานามัยแข็งแรงแน่ แถมยังอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมกา-๓ ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยป้องกันโรคหัวใจ อย่างนี้จะไม่ให้หลงใหลแซลมอนอย่างไรไหว

จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมเหลือบไปเห็นบทความเกี่ยวกับปลาแซลมอนในวารสาร ecologist ฉบับเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ก็ตาสว่างขึ้นทันที

ปลาแซลมอนที่เรากินก็คงไม่ต่างจากกุ้งกุลาดำในฟาร์มเลี้ยง ที่เราส่งไปขายเมืองนอกจนติดอันดับโลก คือถูกเลี้ยงให้เติบโตมาด้วยการใช้สารเคมีและอัดยาเยอะ ๆ

ปลาแซลมอนที่ส่งมาขายบ้านเราส่วนใหญ่มาจากฟาร์มเลี้ยงปลาในยุโรป ปลาแซลมอนเหล่านี้อุดมไปด้วยเชื้อโรค เจ้าของฟาร์มจึงต้องใส่สารเคมีและยาปฏิชีวนะลงในบ่อปลา เพื่อกำจัดแมลงรบกวนและเชื้อโรคหลายอย่าง

ปลาแซลมอนในธรรมชาติมีเนื้อเป็นสีชมพู เพราะมันกินพวกกุ้งตัวเล็ก ๆ และพืชทะเล ปลาแซลมอนในฟาร์มก็มีเนื้อสีชมพูน่ากินเช่นกัน แต่เป็นเพราะมันกินอาหารปลาที่มีสารให้สีจำพวก astaxanthin และcanthaxanthin ชนิดเข้มข้น ซึ่งหากมนุษย์ได้รับสารเหล่านี้มากเกินไป อาจจะมีผลต่อระบบประสาทตา

นอกจากนี้ เนื้อของปลาแซลมอนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังยังอุดมไปด้วยกรดไขมันอิ่มตัว ซึ่งมีผลต่อการอุดตันของเส้นเลือด แถมยังมีกรดไขมันโอเมกา-๓ น้อยกว่าปลาแซลมอนในธรรมชาติถึง ๓ เท่า ดังนั้นหากบริโภคแซลมอนจากฟาร์มเหล่านี้มากเกินไปก็อาจส่งผลให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดได้

ในสหรัฐอเมริกายังมีการวิจัยพบว่า เนื้อปลาแซลมอนจากฟาร์มเลี้ยงมีสารก่อมะเร็งที่มาจากอาหารปลาในระดับที่สูงกว่าปลาแซลมอนจากธรรมชาติถึง ๑๖ เท่า มากกว่าเนื้อวัว ๔ เท่า ไม่นับรวมว่าปลาแซลมอนบางตัวมีพยาธิทะเลอาศัยอยู่ด้วย

ทุกวันนี้การเลี้ยงปลาแซลมอนกลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เพราะมีความต้องการที่สูงขึ้นทั่วโลก

เมื่อไทยส่งกุ้งกุลาดำตีตลาดยุโรป ฝรั่งก็ส่งปลาแซลมอนมาเป็นบรรณาการบ้าง

ทั้งสองล้วนเป็นอาหารยอดฮิต และอุดมไปด้วยสารเคมีชนิดต่าง ๆ

ปีใหม่นี้คงต้องบอกตัวเองให้รักปลาแซลมอนน้อย ๆ ครั้นจะเหลียวมามองปลาจะละเม็ด ก็อุดมไปด้วยฟอร์มาลีน

บทความจาก FWD Mail กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน

Relate topics

แสดงความคิดเห็น

« 1304
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง