โรคเท้าเหม็น Pitted Keratolysis
โรคเท้าเหม็น (Pitted keratolysis) เป็นโรคของการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังชั้นนอก สุดของฝ่าเท้า ทำให้มีเท้าลอกและมีกลิ่นเหม็น พบได้บ่อยในผู้ที่ใส่รองเท้าหุ้มส้นเป็นเวลา นาน ทำให้มีความอับชื้น อันเอื้อให้เกิดสภาวะเหมาะสมต่อการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย เมื่อ เปรียบเทียบกับโรคของผิวหนังที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีภาวะเท้าชื้นแฉะเช่นเดียวกันอีกโรคคือ โรค น้ำกัดเท้า ซึ่งมีข้อแตกต่างกันคือ โรคเท้าเหม็นนั้น เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย มักไม่มีอาการคัน แต่มีเท้าลอก ผิวหนังดูชื้นแฉะ มีกลิ่นเหม็น และโรคเริ่มเกิดที่ฝ่าเท้าก่อน ส่วนโรคน้ำกัดเท้านั้นเกิดจากเชื้อรา มักมีอาการคัน ผิวหนังลอกเป็นขุย และโรคมักเริ่มเกิดที่ซอกนิ้วเท้าก่อ
โรคเท้าเหม็น เกิดจากแบคทีเรีย ชื่อ Micrococcus Sedentarius โรคเท้าเหม็นนี้พบได้บ่อยในผู้ที่สวมใส่รองเท้าหุ้มส้นเป็นเวลานาน เนื่องจากทำให้มี เหงื่อออกที่เท้ามาก เท้าอับชื้น ส่งผลให้ผิวหนังชั้นนอกสุดของฝ่าเท้า เปื่อยยุ่ย และมีค่าความ เป็นด่างสูงขึ้น เอื้อต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ซึ่งแบคทีเรียจะสร้างเอนไซม์ชื่อ Protease มาย่อยสลายผิวหนังส่วนนอกสุดของฝ่าเท้า เกิดเป็นหลุมเล็กๆจำนวนนับไม่ถ้วน หากมองด้วยแว่นขยาย ส่วนกลิ่นเหม็นนั้น เกิดมาจากผลที่เกิดจากการย่อยผิวหนังที่ฝ่าเท้าของแบคทีเรีย ที่ส่ง ผลให้ได้สารในกลุ่มซัลเฟอร์ (Sulfur compound) ซึ่งเป็นสารให้กลิ่น
โรคเท้าเหม็นมีอาการอย่างไร? โดยปกติแล้วโรคเท้าเหม็นนั้น มักไม่มีอาการอื่น และไม่มีอาการที่อวัยวะอื่น นอกจากอา การที่เท้า จึงทำให้ผู้ที่เป็นโรคเท้าเหม็นจำนวนน้อยเท่านั้นที่จะมาพบแพทย์ โดยอาการที่พบได้ที่เท้า มีดังนี้ คือ ประมาณ 70% ของผู้ป่วยมาด้วยอาการฝ่าเท้าชื้น ลอก ทำให้ถุงเท้าติดกับผิวฝ่าเท้า ประมาณ 90% มีกลิ่นเหม็นที่เท้า ประมาณ 10% มีอาการคันเท้า
ควรไปพบแพทย์เมื่อไหร่? โรคเท้าเหม็นสามารถรักษาได้หาย จึงควรมาพบแพทย์เพื่อรับการรักษาและคำแนะนำที่ ถูกต้อง
แพทย์รักษาโรคเท้าเหม็นอย่างไร? ใช้เวลารักษานานเท่าไร? เนื่องจากปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคนี้ มี 2 ประการคือ เชื้อแบคทีเรีย และภาวะอับชื้นของเท้า การรักษาจึงต้องรักษาดูแลทั้ง 2 ปัจจัย การรักษาแบคทีเรียนั้น ใช้เป็นยาฆ่าเชื้อชนิดทา เช่น ยา Clindamycin ยา Erythro mycin และ/หรือ ยาทาที่ช่วยให้ผิวหนังลอกตัวเพื่อสร้างผิวหนังขึ้นใหม่และมีฤทธิ์เป็นยาฆ่าเชื้อร่วมด้วย เช่น ยา Benzoyl peroxide หรือ ยาที่เป็นแป้งผงฆ่าเชื้อ โดยทายา เช้า-เย็น จน กว่ารอยโรคจะหาย ซึ่งขึ้นอยู่กับการหลีกเลี่ยงภาวะอับชื้นของเท้าด้วย
ส่วนการป้องกันภาวะอับชื้นนั้น ทำได้โดย
การลดเวลาในการใส่รองเท้าหุ้มส้นให้เหลือน้อยๆที่สุด หรืออาจโดยถอดรองเท้าบ่อยๆ
ใส่ถุงเท้าที่มีการระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย 100% แต่หากมีเหงื่อออกมาก ควรเปลี่ยนถุงเท้าระหว่างวัน เพื่อลดความอับชื้น
ใช้แป้งผง 20% Aluminium chloride โรยเท้าวันละ 1-2 ครั้ง หรือตามแพทย์ผู้ รักษาแนะนำ หลังทำความสะอาดเท้าด้วยสบู่ที่มียาฆ่าเชื้อเป็นส่วนผสม แล้วเช็ดเท้าให้แห้ง
หากยังมีเหงื่อออกมากอยู่ แพทย์อาจพิจารณารักษาอาการเหงื่อออกมากที่เท้า โดยใช้การฉีดยา Botulinum toxin ที่ฝ่าเท้า
อนึ่งโดยทั่วไป ใช้เวลารักษาให้โรคหายประมาณ 2 อาทิตย์ ถึง 1 เดือน
ดูแลตนเองอย่างไร?
การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคเท้าเหม็น ที่สำคัญ คือ
หลีกเลี่ยงภาวะที่ทำให้เกิดการอับชื้นที่ เท้า ฝ่าเท้า
ทำความสะอาดเท้าทุกวัน วันละ 2 ครั้งดังกล่าวในหัวข้อ การรักษา
ทำความสะอาดถุงเท้าด้วยผงซักฟอกหรือสบู่ที่มีส่วนผสมของยาฆ่าเชื้อในน้ำร้อน ที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส แล้วตากแดดให้แห้งสนิท
เปลี่ยนถุงเท้าบ่อยๆทุกครั้งที่เปียกชื้น (มีถุงเท้าสำรองติดตัวไปด้วยเสมอ)
สลับสวมรองเท้า ไม่สวมซ้ำเกิน 2 วัน ผึ่ง/ตากรองเท้าให้แห้งเสมอ และไม่ใช้รอง เท้าร่วมกับผู้อื่นๆ
ถ้าเป็นไปได้ สวมรองเท้าแตะที่เป็นชนิดสาน หรือ รองเท้าที่เปิดส้น และ/หรือ เปิดหัว
ตากรองเท้ากลางแจ้งในวันที่แดดออกจัด
แหล่งข้อมูล
1, http://www.think4this.com/lattestnews/that-needs-to-be-done-so-that-the-foot-does-not-smell-good.html
2. หาหมอดอทคอม, พญ ชลธิรศน์ ศรีเกษตรธรากุล
Cr. // fb : สาระสุขภาพยาน่ารู้โดยเภสัชกรอุทัย
Relate topics
- 10 อาหารที่ควรทานหลังออกกำลังกายหลายคนที่ลดน้ำหนักอาจเข้าใจผิดไปว่า หลังออกกำลังกายแล้วนั้นไม่ควรรับประทานอาหารใดๆ ทั้งสิ้นเพราะจะทำให้ยิ่งอ้วน แต่หารู้ไม่ว่าช่วงหลังออกกำลังกายนี่แหละเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องการอาหารอย่างเช่น น
- " ฝึกสมองให้ลดน้ำหนัก "การลดน้ำหนักหรืออดอาหารไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ยิ่งสำหรับบางคนมันเป็นความท้าทายที่หนักหนาสาหัสอย่างมากสำหรับร่างกายและ จิตใจของตัวเองในการที่จะลดอาหาร ลดไขมัน รวมไปถึงการควบคุมปริมาณแคลลอรี่ที่บริโภคเข
- ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตกพร่ำๆ!!! เตือนภัย 15 โรคติดต่อที่มาพร้อมฤดูฝน!อีกไม่นานประเทศไทยก็จะเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเต็มตัว หลายคนเริ่มตระเตรียมอุปกรณ์กันฝน แต่แค่นั้นยังไม่เพียงพอ เพราะเมื่อฤดูฝนย่างกรายเข้ามา ก็จะมี 15 เชื้อโรคติดต่อรอโจมตีเราอยู่อย่างเงียบๆ ![
- 'รากบัว' เสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย สรรพคุณทางยามหาศาลในรากบัวยังพบ “ฟลาโวนอยด์” ซึ่งเป็นสารกลุ่มโฟลีฟีนอล ที่จัดเป็นพฤกษเคมีที่มีคุณสมบัติเด่น ในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง สรรพคุณทางยามากมาย เช่น ลดไข้ บรรเทาอาการไอ อีกด้วย
- ยาก่อนอาหาร ยาหลังอาหาร ลืมกินยาตามเวลา อันตรายหรือไม่ปัญหาที่มักพบเสมอเวลาจะรับประทานยา คือ ต้องรับประทานก่อนหรือหลังอาหาร และก่อนอาหารนานเท่าไหร่ หลังอาหารกี่นาที ก่อนนอนนานแค่ไหน ถ้าลืมแล้วจะทำอย่างไร ![ คำอธิบายภาพ : findingtherightpill ](http:
- ข้าวโพดต้มสุก มีดีกว่าที่คิด!!!สีเหลืองเข้มอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ชื่อ ลูทีน และ ซีเซนทีน ยิ่งนำไปต้มหรือย่าง สารตัวนี้จะยิ่งออกมาเยอะขึ้น!!! ![ คำอธิบายภาพ : IMG20150517112917 ](http://sator4u.com/upload/pics/IMG
- ช็อค! Ending the War on Fat ความเชื่อคนทั้งโลก เมื่อผลวิจัยเผย “คอเรสเตอรอล” มีแต่ประโยชน์ ไม่มีโทษนิตยสารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาอย่าง TIME ได้เผยถึงบทความเกี่ยวกับ Ending the War on Fat “ความจริงของคอเรสเตอรอล” ที่ทุกๆ คนเข้าใจผิดมาตลอด 60 ปี ที่ว่าคอเรสเตอรอลเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดหลอดเลือดหัวใจ
- ผัก-ผลไม้ 7 อย่าง! บำรุงสายตา!!!การเลือกรับประทานพืชผักบางชนิดนอกจากทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังสามารถช่วยบำรุงดวงตาให้มองเห็นแจ่มแจ๋ว ไม่ร่วงโรยตามอายุได้อีกด้วย ![ คำอธิบายภาพ : foods-for-eye-health-934934 ](http://sator4u.com
- โรคไข้เลือดออกโรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่เกิดจากยุงเป็นพาหนะของโรค นอกจากเป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทย ยังเป็นปัญหาสาธารณสุขทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศในเขตร้อนชื้น และก่อให้เกิดความกังวลต่อผู้ปกครองเวลาเด็กมีไข้ บทความนี
- โรคเก๊าท์ ...การรักษาด้วยวิธีการที่ไม่ใช้ยาถึงแม้ว่าโรคเก๊าท์เป็นโรคที่เกิดจากภาวะกรดยูริกในเลือดสูง และในปัจจุบันมียาหลายชนิดที่ใช้ในการรักษาภาวะกรดยูริกในเลือดสูงก็ตาม แต่การรักษาด้วยวิธีการที่ไม่ใช้ยาก็ยังเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการรักษาผู้