รับประทาน โสม อย่างไรให้ปลอดภัย ???
รับประทาน โสม อย่างไรให้ปลอดภัย ???
ปีใหม่บางท่านอาจได้รับของฝาก ของขวัญเป็นโสม มาดูเรื่องราวของโสมกันนะ ใครๆ ก็คงรู้ถึงสรรพคุณของโสมกันมาแล้ว แต่แม้ว่าจะให้คุณประโยชน์มากแค่ไหน หากใช้ไม่เป็นก็อาจจะก่อให้เกิดโทษได้เช่นกัน...วันนี้เราเลยมีคำแนะนำในการใช้โสมให้ปลอดภัยมาฝากกัน...
ปัจจุบันคนส่วนมากหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น และมีการบริโภคผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพหลากหลายชนิด "โสม" เป็นผลิตภัณฑ์อีกชนิดหนึ่งที่คุ้นเคยกันดี แต่ระหว่างการบริโภคโสมนั้นก็มีข้อควรระวังเช่นกัน...
ทั้งนี้คงต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เมื่อรับประทานโสมสกัดแล้วมีผลอย่างไร ซึ่งข้อเท็จจริงคือ ในรากโสมเอเชียมีสารเคมีหลายชนิด ใช้บำรุงสุขภาพ ช่วยให้ร่างกายกระชุ่มกระชวยมีกำลังวังชา และทำให้อายุยืนยาว ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรค ช่วยให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับสภาวะต่างๆ ได้ดี แต่ก็มีข้อควรระวังคือ ห้ามดื่มน้ำชา หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนขณะใช้โสม และห้ามรับประทานธาตุเหล็ก ซึ่งมีอยู่ในผักใบเขียวเข้ม เพราะจะขัดขวางการดูดซึมของโสม ที่สำคัญไม่ควรใช้โสมต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน และไม่ควรใช้เกินครั้งละ 1 เดือน
ข้อสงสัยและข้อแนะนำในการทานโสมเกาหลี
โสมเกาหลี “โสมเกาหลี จะได้ผลดีที่สุดถ้ารับประทานในขณะท้องว่าง” โสมเกาหลีสามารถทานได้ทุกเวลา และไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองแก่กระเพาะอาหาร โดยเฉพาะการทานในขณะท้องว่างนั้นจะทำให้สารสกัดถูกดูดซึมได้ง่ายเพราะกระเพาะอาหารว่าง ฉะนั้นจึงขอแนะนำให้ทานโสมในช่วงหลังจากตื่นนอนตอนก่อนอาหารเช้า ช่วงระหว่างมืออาหาร และช่วงก่อนเข้านอน สำหรับปริมาณความต้องการโสมสำหรับแต่ละคนนั้นย่อมแตกต่างกันไปและมีวิธีการทานเพื่อให้เหมาะสมกับอาการป่วยของผู่ดื่มก็แตกต่างกันด้วย
ผลของโสมเกาหลีจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการปรับตัวของร่างกายมากกว่าการเกิดผลอันใดอันหนึ่ง ซึ่งโสมจะทำให้ร่างกายแข็งแรงในจุดที่ซึ่งระบบต่างๆ ของร่างกายสามารถเอาชนะโรคและการติดเชื้อต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้นมีผลในทางควบคุมการปรับสมดุลของระบบต่างๆให้อยู่ในสภาพปกติ เพราะฉะนั้นผลของการทานโสมจึงต้องอาศัยช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้โสมทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างสมบูรณ์
ผู้ที่ควรรับประทานโสม
ผู้ป่วยต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการรักษาหรือการพักฟื้น ผู้สูงอายุที่ต้องการดูแลสุขภาพอย่างไกล้ชิด นักเรียน นิษิต นักศึกษา ที่ต้องใช้สมอง สมาธิ ความจำ ผู้บริหาร หรือผู้ทำงานที่ต้องใช้ความคิดและไกล้ชิดกับความเครียด นักกีฬา หรือผู้ที่ต้องทำงานหนักใช้พลังงานมาก บุคคลทั่วไปที่ต้องการดูแลบำรุงสุขภาพร่างกายของตนเอง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการรับประทานโสม ควรรับประทานโสมเวลาใด?
โสมเกาหลี สามารถดื่มได้ทุกเวลาและไม่ทำให้เกิดความระคายเคืองแก่กระเพาะอาหาร แต่การดื่มโสมในขณะเวลาที่ท้องว่างนั้นจะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารสรรพคุณต่างๆ จากโสมได้ง่าย เพราะกระเพาะอาหารว่างทำให้ได้ผลดีมาก ฉะนั้น จึงขอแนะนำให้ดื่มโสมในช่วงท้องว่าง เช่น หลังตื่นนอนตอนเช้าก่อนอาหารเช้า ช่วงระหว่างมื้ออาหาร และตอนก่อนเข้านอน เป็นต้น
ควรรับประทานโสมปริมาณเท่าใด? และนานแค่ไหน? ถึงจะเห็นผล
ปริมาณความต้องการโสมของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพร่างกาย อายุ สถานะทางด้านสุขภาพ เป็นต้น แม้จะมีค่ากลางที่ระบุว่าควรรับประทานโสมในปริมาณคิดเป็นน้ำหนัก 2 กรัมต่อวันและควรรับประทานอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 1 เดือน แต่ในกรณีที่ต้องการผลของโสมในระยะสั้น อาทิ ต้องการสรรพคุณในการกระตุ้น หรือ ต้องการขจัดอาการเหนื่อยอ่อนและสูญเสียพละกำลัง ในกรณีที่ร่างกายอ่อนแอ ระหว่างพักฟื้น ขนาดบริโภคอาจต้องเพิ่มมากขึ้นตามความต้องการที่เหมาะสมสำหรับแต่ละคน ซึ่งควรเริ่มบริโภคโสมจากปริมาณที่น้อยๆ แล้วค่อยๆ เพื่อมากขึ้นจนถึงระดับที่เพียงพอสำหรับตนเอง
โสมมีผลข้างเคียงหรือไม่? และมีความปลอดภัยแค่ไหน?
โสมเป็นพืชสมุนไพรที่มีความปลอดภัยมากที่สุด แม้จะบริโภคในปริมาณที่มากหรือบริโภคติดต่อกันเป็นเวลานานตลอดชั่วอายุขัยก็ตาม ซึ่งผลการทดลองจากทั่วโลกต่างยอมรับเป็นทางเดียวกันว่า “ไม่มีอันตรายเลย” แม้แต่องค์การอาหารและยาของสหรัฐยังยอมรับว่า โสมเป็นยาที่มีความปลอดภัยสูงสามารถจำหน่ายได้อย่างเสรีโดยไม่จำเป็นต้องมีกฎระเบียบควบคุม
ผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับความดันโลหิตสูงสามารถรับประทานโสมได้หรือไม่?
โสมมีสรรพคุณที่จะช่วยป้องกันเส้นเลือดคั่งป้องกันการแข็งตัวของเลือด ช่วยปรับการหมุนเวียนของเลือดจนทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นลดลงและยังช่วยสร้างคอลเลสเตอรอลที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ภายหลังรับประทานโสม 1 ชั่วโมงห้ามทำกิจกรรมใดๆ ที่อาจทำให้เกิดความดันโลหิตสูงขึ้นได้ อาทิ วิ่ง ตีเทนนิส ปีนบันได หรืออยู่ในที่อากาศแออัด นอกจากนี้ยังต้องหลีกเลี่ยงอาการโกรธ เศร้าโศกหรืออาการอื่นๆที่จัดเป็นการทำให้เกิดอาการรุนแรงต่างๆ ควรรักษาจิตใจให้สงบนิ่ง หากิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลายทำ เช่น ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ หรือฟังเพลงดนตรีเบาๆ จากการทดลองของโรงพยาบาลญี่ปุ่น พบว่าโสมช่วยปรับสมดุลความดันโลหิตได้ คนที่รัประทานโสมเข้าไปจะเกิดความรู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับสนิท (ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงไม่เหมาะกับ “โสมแดง” ควรรับประทาน “โสมขาว” มากกว่า)
ผู้ป่วยมีปัญหากับความดันโลหิตต่ำ เมื่อรับประทานโสมจะช่วยเพิ่มความดันโลหิตหรือไม่?
โสมมีสรรพคุณในการช่วยปรับสมดุลของความดันโลหิต ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับความดันโลหิตต่ำนั้น โสมจะช่วยปรับการหมุนเวียนของเลือดให้เป็นปกติ ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด และเสริมสร้างความแข้งแรงของหัวใจ ทำให้ระบบการฉูบชีดเลือดดีขึ้น ความดันโลหิตจีงเพิ่มขึ้น และร่างกายปรับสู่สภาพสมดุล ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำแนะนำให้รับประทาน “โสมแดง“
โสมจะช่วยลดคอลเลสเตอรอลจริงหรือไม่ ?
หลังรับประทานโสมแล้ว ปริมาณคอลเลสเตอรอลในร่างกายจะไม่เปลียนแปลง แต่จะมีคุณภาพที่ดีขึ้น โสมจะช่วยปรับคุณภาพของตับให้ดีขึ้น และยังช่วยรักษาปริมาณคอเลสเตอรอลในร่างกายให้อยู่ในระดับที่สมดุลได้
โรคเบาหวานรับประทานโสมได้หรือไม่ ?
โสมมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการของโรคเบาหวานได้อย่างมีผล เช่น อาการคอแห้ง อ่อนเพลีย ฯลฯ ก็จะหมดไปหลังรับประทานโสมเพียงวันเดียว โดยเฉพาะโสมคน จะมีส่วนประกอบที่ช่วยรักษาโรคเบาหวานมะเร็ง และเส้นเลือดแข็งตัวได้ดีกว่าโสมชนิดอื่นๆ
อาการของวัยหมดประจำเดือนของผู้หญิง โสมช่วยได้อย่างไร เมื่อหมดประจำเดือน การหลั่งของฮอร์โมนเพศหญิงจะลดลง ทำให้สรีระของผู้หญิงยิ่งมีแนวโน้มใกล้เคียงกับผู้ชายมากขึ้น เมื่อสรีระเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันทำให้ทางด้านกายและใจปรับตัวไม่ทัน ทำให้การทำงานของระบบประสาทแปรปรวน และแสดงอกมาในรูปแบบของอาการต่างๆ อย่างที่กล่าวมา จากการทำวิจัยของนักวิชาการมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นที่สำรวจจากผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนทั่วประเทศ และ ทำการวิจัยสรรพคุณของโสมที่ช่วยระงับและบรรเทาอาการต่างๆของวัยหมดประจำเดือน พบว่า โสมมีประสทธิภาพในการลดอาการ อาทิ ปวดหัว เวียนหัว ปวดเอว กล้ามเนื้อและข้อต่อแข็ง อ่อนเพลีย หายใจขัด ตาพร่า มือและเท้าเย็น ได้ดี ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนและคนที่มีอาการดังกล่าว เมื่อรับประทานโสมก็จะมีอาการดีขึ้น
เด็กรับประทานโสมได้หรือไม่?
โสมมีสรรพคุณช่วยการหมุนเวียนของเลือดแดง ปรับความสมดุลของระบบประสาท กระตุ้นการเผาผลาญ เพิ่มภูมิต้านทานของโรค และปรับความสมดุลของเชื้อโรคช่วยย่อยอาหารที่อยู่ในลำไส้ ดังนัน เด็กที่อยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโต เมื่อรัประทานโสมจะช่วยเรื่องการเติบโตเกิดความสมดุล โดยเฉพาะเด็กที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำ เป็นไข้หวัดง่าย ลำไส้ทำงานไม่ดี ร่างกายอ่อนแอ ยิ่งควรต้องรับประทานโสมเป็นประจำ
หญิงตั้งครรภ์ทานโสมได้หรือไม่?
มีหลายคนสงสัยว่าหญิงตั้งครรภ์ทานโสมได้หรือไม่ คำตอบคือ ได้ เพราะนอกจากโสมจะเป็นสมุนไพรธรรมชาติที่ไม่ก่อผลต่อสุขภาพทารกแล้วยังช่วยให้การหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงและรักษาโรคโลหิตจาง มีแต่ผลดีต่อแม่และทารก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามการรับประทานอาหารและยาของหญิงมีครรภ์ก็ต้องอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ และข้อสำคัญ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน และการบริโภคควรอยู่ในการควบคุมของแพทย์
อาหารหรือยาที่มีประโยชน์นั้น หากใช้เกินความจำเป็นหรือไม่ระมัดระวัง ก็อาจกลายเป็นโทษที่ร้ายแรงได้เช่นกัน...ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีสองด้านเสมอ
ปีใหม่บางท่านอาจได้รับของฝาก ของขวัญเป็นโสม มาดูเรื่องราวของโสมกันนะ ใครๆ ก็คงรู้ถึงสรรพคุณของโสมกันมาแล้ว แต่แม้ว่าจะให้คุณประโยชน์มากแค่ไหน หากใช้ไม่เป็นก็อาจจะก่อให้เกิดโทษได้เช่นกัน...วันนี้เราเลยมีคำแนะนำในการใช้โสมให้ปลอดภัยมาฝากกัน...
ปัจจุบันคนส่วนมากหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น และมีการบริโภคผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพหลากหลายชนิด "โสม" เป็นผลิตภัณฑ์อีกชนิดหนึ่งที่คุ้นเคยกันดี แต่ระหว่างการบริโภคโสมนั้นก็มีข้อควรระวังเช่นกัน...
ทั้งนี้คงต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เมื่อรับประทานโสมสกัดแล้วมีผลอย่างไร ซึ่งข้อเท็จจริงคือ ในรากโสมเอเชียมีสารเคมีหลายชนิด ใช้บำรุงสุขภาพ ช่วยให้ร่างกายกระชุ่มกระชวยมีกำลังวังชา และทำให้อายุยืนยาว ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรค ช่วยให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับสภาวะต่างๆ ได้ดี แต่ก็มีข้อควรระวังคือ ห้ามดื่มน้ำชา หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนขณะใช้โสม และห้ามรับประทานธาตุเหล็ก ซึ่งมีอยู่ในผักใบเขียวเข้ม เพราะจะขัดขวางการดูดซึมของโสม ที่สำคัญไม่ควรใช้โสมต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน และไม่ควรใช้เกินครั้งละ 1 เดือน
ข้อสงสัยและข้อแนะนำในการทานโสมเกาหลี
โสมเกาหลี “โสมเกาหลี จะได้ผลดีที่สุดถ้ารับประทานในขณะท้องว่าง” โสมเกาหลีสามารถทานได้ทุกเวลา และไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองแก่กระเพาะอาหาร โดยเฉพาะการทานในขณะท้องว่างนั้นจะทำให้สารสกัดถูกดูดซึมได้ง่ายเพราะกระเพาะอาหารว่าง ฉะนั้นจึงขอแนะนำให้ทานโสมในช่วงหลังจากตื่นนอนตอนก่อนอาหารเช้า ช่วงระหว่างมืออาหาร และช่วงก่อนเข้านอน สำหรับปริมาณความต้องการโสมสำหรับแต่ละคนนั้นย่อมแตกต่างกันไปและมีวิธีการทานเพื่อให้เหมาะสมกับอาการป่วยของผู่ดื่มก็แตกต่างกันด้วย
ผลของโสมเกาหลีจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการปรับตัวของร่างกายมากกว่าการเกิดผลอันใดอันหนึ่ง ซึ่งโสมจะทำให้ร่างกายแข็งแรงในจุดที่ซึ่งระบบต่างๆ ของร่างกายสามารถเอาชนะโรคและการติดเชื้อต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้นมีผลในทางควบคุมการปรับสมดุลของระบบต่างๆให้อยู่ในสภาพปกติ เพราะฉะนั้นผลของการทานโสมจึงต้องอาศัยช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้โสมทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างสมบูรณ์
ผู้ที่ควรรับประทานโสม
ผู้ป่วยต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการรักษาหรือการพักฟื้น ผู้สูงอายุที่ต้องการดูแลสุขภาพอย่างไกล้ชิด นักเรียน นิษิต นักศึกษา ที่ต้องใช้สมอง สมาธิ ความจำ ผู้บริหาร หรือผู้ทำงานที่ต้องใช้ความคิดและไกล้ชิดกับความเครียด นักกีฬา หรือผู้ที่ต้องทำงานหนักใช้พลังงานมาก บุคคลทั่วไปที่ต้องการดูแลบำรุงสุขภาพร่างกายของตนเอง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการรับประทานโสม ควรรับประทานโสมเวลาใด?
โสมเกาหลี สามารถดื่มได้ทุกเวลาและไม่ทำให้เกิดความระคายเคืองแก่กระเพาะอาหาร แต่การดื่มโสมในขณะเวลาที่ท้องว่างนั้นจะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารสรรพคุณต่างๆ จากโสมได้ง่าย เพราะกระเพาะอาหารว่างทำให้ได้ผลดีมาก ฉะนั้น จึงขอแนะนำให้ดื่มโสมในช่วงท้องว่าง เช่น หลังตื่นนอนตอนเช้าก่อนอาหารเช้า ช่วงระหว่างมื้ออาหาร และตอนก่อนเข้านอน เป็นต้น
ควรรับประทานโสมปริมาณเท่าใด? และนานแค่ไหน? ถึงจะเห็นผล
ปริมาณความต้องการโสมของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพร่างกาย อายุ สถานะทางด้านสุขภาพ เป็นต้น แม้จะมีค่ากลางที่ระบุว่าควรรับประทานโสมในปริมาณคิดเป็นน้ำหนัก 2 กรัมต่อวันและควรรับประทานอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 1 เดือน แต่ในกรณีที่ต้องการผลของโสมในระยะสั้น อาทิ ต้องการสรรพคุณในการกระตุ้น หรือ ต้องการขจัดอาการเหนื่อยอ่อนและสูญเสียพละกำลัง ในกรณีที่ร่างกายอ่อนแอ ระหว่างพักฟื้น ขนาดบริโภคอาจต้องเพิ่มมากขึ้นตามความต้องการที่เหมาะสมสำหรับแต่ละคน ซึ่งควรเริ่มบริโภคโสมจากปริมาณที่น้อยๆ แล้วค่อยๆ เพื่อมากขึ้นจนถึงระดับที่เพียงพอสำหรับตนเอง
โสมมีผลข้างเคียงหรือไม่? และมีความปลอดภัยแค่ไหน?
โสมเป็นพืชสมุนไพรที่มีความปลอดภัยมากที่สุด แม้จะบริโภคในปริมาณที่มากหรือบริโภคติดต่อกันเป็นเวลานานตลอดชั่วอายุขัยก็ตาม ซึ่งผลการทดลองจากทั่วโลกต่างยอมรับเป็นทางเดียวกันว่า “ไม่มีอันตรายเลย” แม้แต่องค์การอาหารและยาของสหรัฐยังยอมรับว่า โสมเป็นยาที่มีความปลอดภัยสูงสามารถจำหน่ายได้อย่างเสรีโดยไม่จำเป็นต้องมีกฎระเบียบควบคุม
ผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับความดันโลหิตสูงสามารถรับประทานโสมได้หรือไม่?
โสมมีสรรพคุณที่จะช่วยป้องกันเส้นเลือดคั่งป้องกันการแข็งตัวของเลือด ช่วยปรับการหมุนเวียนของเลือดจนทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นลดลงและยังช่วยสร้างคอลเลสเตอรอลที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ภายหลังรับประทานโสม 1 ชั่วโมงห้ามทำกิจกรรมใดๆ ที่อาจทำให้เกิดความดันโลหิตสูงขึ้นได้ อาทิ วิ่ง ตีเทนนิส ปีนบันได หรืออยู่ในที่อากาศแออัด นอกจากนี้ยังต้องหลีกเลี่ยงอาการโกรธ เศร้าโศกหรืออาการอื่นๆที่จัดเป็นการทำให้เกิดอาการรุนแรงต่างๆ ควรรักษาจิตใจให้สงบนิ่ง หากิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลายทำ เช่น ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ หรือฟังเพลงดนตรีเบาๆ จากการทดลองของโรงพยาบาลญี่ปุ่น พบว่าโสมช่วยปรับสมดุลความดันโลหิตได้ คนที่รัประทานโสมเข้าไปจะเกิดความรู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับสนิท (ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงไม่เหมาะกับ “โสมแดง” ควรรับประทาน “โสมขาว” มากกว่า)
ผู้ป่วยมีปัญหากับความดันโลหิตต่ำ เมื่อรับประทานโสมจะช่วยเพิ่มความดันโลหิตหรือไม่?
โสมมีสรรพคุณในการช่วยปรับสมดุลของความดันโลหิต ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับความดันโลหิตต่ำนั้น โสมจะช่วยปรับการหมุนเวียนของเลือดให้เป็นปกติ ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด และเสริมสร้างความแข้งแรงของหัวใจ ทำให้ระบบการฉูบชีดเลือดดีขึ้น ความดันโลหิตจีงเพิ่มขึ้น และร่างกายปรับสู่สภาพสมดุล ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำแนะนำให้รับประทาน “โสมแดง“
โสมจะช่วยลดคอลเลสเตอรอลจริงหรือไม่ ?
หลังรับประทานโสมแล้ว ปริมาณคอลเลสเตอรอลในร่างกายจะไม่เปลียนแปลง แต่จะมีคุณภาพที่ดีขึ้น โสมจะช่วยปรับคุณภาพของตับให้ดีขึ้น และยังช่วยรักษาปริมาณคอเลสเตอรอลในร่างกายให้อยู่ในระดับที่สมดุลได้
โรคเบาหวานรับประทานโสมได้หรือไม่ ?
โสมมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการของโรคเบาหวานได้อย่างมีผล เช่น อาการคอแห้ง อ่อนเพลีย ฯลฯ ก็จะหมดไปหลังรับประทานโสมเพียงวันเดียว โดยเฉพาะโสมคน จะมีส่วนประกอบที่ช่วยรักษาโรคเบาหวานมะเร็ง และเส้นเลือดแข็งตัวได้ดีกว่าโสมชนิดอื่นๆ
อาการของวัยหมดประจำเดือนของผู้หญิง โสมช่วยได้อย่างไร เมื่อหมดประจำเดือน การหลั่งของฮอร์โมนเพศหญิงจะลดลง ทำให้สรีระของผู้หญิงยิ่งมีแนวโน้มใกล้เคียงกับผู้ชายมากขึ้น เมื่อสรีระเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันทำให้ทางด้านกายและใจปรับตัวไม่ทัน ทำให้การทำงานของระบบประสาทแปรปรวน และแสดงอกมาในรูปแบบของอาการต่างๆ อย่างที่กล่าวมา จากการทำวิจัยของนักวิชาการมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นที่สำรวจจากผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนทั่วประเทศ และ ทำการวิจัยสรรพคุณของโสมที่ช่วยระงับและบรรเทาอาการต่างๆของวัยหมดประจำเดือน พบว่า โสมมีประสทธิภาพในการลดอาการ อาทิ ปวดหัว เวียนหัว ปวดเอว กล้ามเนื้อและข้อต่อแข็ง อ่อนเพลีย หายใจขัด ตาพร่า มือและเท้าเย็น ได้ดี ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนและคนที่มีอาการดังกล่าว เมื่อรับประทานโสมก็จะมีอาการดีขึ้น
เด็กรับประทานโสมได้หรือไม่?
โสมมีสรรพคุณช่วยการหมุนเวียนของเลือดแดง ปรับความสมดุลของระบบประสาท กระตุ้นการเผาผลาญ เพิ่มภูมิต้านทานของโรค และปรับความสมดุลของเชื้อโรคช่วยย่อยอาหารที่อยู่ในลำไส้ ดังนัน เด็กที่อยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโต เมื่อรัประทานโสมจะช่วยเรื่องการเติบโตเกิดความสมดุล โดยเฉพาะเด็กที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำ เป็นไข้หวัดง่าย ลำไส้ทำงานไม่ดี ร่างกายอ่อนแอ ยิ่งควรต้องรับประทานโสมเป็นประจำ
หญิงตั้งครรภ์ทานโสมได้หรือไม่?
มีหลายคนสงสัยว่าหญิงตั้งครรภ์ทานโสมได้หรือไม่ คำตอบคือ ได้ เพราะนอกจากโสมจะเป็นสมุนไพรธรรมชาติที่ไม่ก่อผลต่อสุขภาพทารกแล้วยังช่วยให้การหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงและรักษาโรคโลหิตจาง มีแต่ผลดีต่อแม่และทารก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามการรับประทานอาหารและยาของหญิงมีครรภ์ก็ต้องอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ และข้อสำคัญ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน และการบริโภคควรอยู่ในการควบคุมของแพทย์
อาหารหรือยาที่มีประโยชน์นั้น หากใช้เกินความจำเป็นหรือไม่ระมัดระวัง ก็อาจกลายเป็นโทษที่ร้ายแรงได้เช่นกัน...ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีสองด้านเสมอ
Cr. // koreanginsengs.com
Relate topics
- 10 อาหารที่ควรทานหลังออกกำลังกายหลายคนที่ลดน้ำหนักอาจเข้าใจผิดไปว่า หลังออกกำลังกายแล้วนั้นไม่ควรรับประทานอาหารใดๆ ทั้งสิ้นเพราะจะทำให้ยิ่งอ้วน แต่หารู้ไม่ว่าช่วงหลังออกกำลังกายนี่แหละเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องการอาหารอย่างเช่น น
- " ฝึกสมองให้ลดน้ำหนัก "การลดน้ำหนักหรืออดอาหารไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ยิ่งสำหรับบางคนมันเป็นความท้าทายที่หนักหนาสาหัสอย่างมากสำหรับร่างกายและ จิตใจของตัวเองในการที่จะลดอาหาร ลดไขมัน รวมไปถึงการควบคุมปริมาณแคลลอรี่ที่บริโภคเข
- ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตกพร่ำๆ!!! เตือนภัย 15 โรคติดต่อที่มาพร้อมฤดูฝน!อีกไม่นานประเทศไทยก็จะเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเต็มตัว หลายคนเริ่มตระเตรียมอุปกรณ์กันฝน แต่แค่นั้นยังไม่เพียงพอ เพราะเมื่อฤดูฝนย่างกรายเข้ามา ก็จะมี 15 เชื้อโรคติดต่อรอโจมตีเราอยู่อย่างเงียบๆ ![
- 'รากบัว' เสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย สรรพคุณทางยามหาศาลในรากบัวยังพบ “ฟลาโวนอยด์” ซึ่งเป็นสารกลุ่มโฟลีฟีนอล ที่จัดเป็นพฤกษเคมีที่มีคุณสมบัติเด่น ในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง สรรพคุณทางยามากมาย เช่น ลดไข้ บรรเทาอาการไอ อีกด้วย
- ยาก่อนอาหาร ยาหลังอาหาร ลืมกินยาตามเวลา อันตรายหรือไม่ปัญหาที่มักพบเสมอเวลาจะรับประทานยา คือ ต้องรับประทานก่อนหรือหลังอาหาร และก่อนอาหารนานเท่าไหร่ หลังอาหารกี่นาที ก่อนนอนนานแค่ไหน ถ้าลืมแล้วจะทำอย่างไร ![ คำอธิบายภาพ : findingtherightpill ](http:
- ข้าวโพดต้มสุก มีดีกว่าที่คิด!!!สีเหลืองเข้มอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ชื่อ ลูทีน และ ซีเซนทีน ยิ่งนำไปต้มหรือย่าง สารตัวนี้จะยิ่งออกมาเยอะขึ้น!!! ![ คำอธิบายภาพ : IMG20150517112917 ](http://sator4u.com/upload/pics/IMG
- ช็อค! Ending the War on Fat ความเชื่อคนทั้งโลก เมื่อผลวิจัยเผย “คอเรสเตอรอล” มีแต่ประโยชน์ ไม่มีโทษนิตยสารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาอย่าง TIME ได้เผยถึงบทความเกี่ยวกับ Ending the War on Fat “ความจริงของคอเรสเตอรอล” ที่ทุกๆ คนเข้าใจผิดมาตลอด 60 ปี ที่ว่าคอเรสเตอรอลเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดหลอดเลือดหัวใจ
- ผัก-ผลไม้ 7 อย่าง! บำรุงสายตา!!!การเลือกรับประทานพืชผักบางชนิดนอกจากทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังสามารถช่วยบำรุงดวงตาให้มองเห็นแจ่มแจ๋ว ไม่ร่วงโรยตามอายุได้อีกด้วย ![ คำอธิบายภาพ : foods-for-eye-health-934934 ](http://sator4u.com
- โรคไข้เลือดออกโรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่เกิดจากยุงเป็นพาหนะของโรค นอกจากเป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทย ยังเป็นปัญหาสาธารณสุขทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศในเขตร้อนชื้น และก่อให้เกิดความกังวลต่อผู้ปกครองเวลาเด็กมีไข้ บทความนี
- โรคเก๊าท์ ...การรักษาด้วยวิธีการที่ไม่ใช้ยาถึงแม้ว่าโรคเก๊าท์เป็นโรคที่เกิดจากภาวะกรดยูริกในเลือดสูง และในปัจจุบันมียาหลายชนิดที่ใช้ในการรักษาภาวะกรดยูริกในเลือดสูงก็ตาม แต่การรักษาด้วยวิธีการที่ไม่ใช้ยาก็ยังเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการรักษาผู้