ประโยชน์ 3 ต่อ ของ อะโวคาโด
อะโวคาโด ผลไม้ที่ถูกหลายต่อหลายคนเข้าใจผิด และมองข้าม ว่าเป็นผลไม้รสไม่หวาน ไขมันสูง กินแล้วอ้วน แต่จริงๆแล้ว หารู้ไม่ว่าผลไม้ชนิดนี้ เป็นที่นิยมในแถบอเมริกาและยุโรป เพราะมีสารอาหารหลากหลายที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ ถ้าเรายังเข้าใจผิดๆอยู่อย่างนี้ เสียดายแย่
จริงๆ แล้ว อะโวคาโดมีคุณค่าทางอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าผลไม้ชนิดอื่น จึงถือว่าเป็น “อาหารเพื่อสุขภาพ” เพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และสารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกายมากมาย
เนื้อผลอะโวคาโดประกอบด้วยไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ประมาณ 4-20% แล้วแต่พันธุ์ โดยกรดไขมันในอะโวคาโด ร้อยละ 70 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ชนิด monounsaturater fatty acid ซึ่งกรดไขมันชนิดนี้ เป็นไขมันดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย หากกินในปริมาณที่ร่างกายเผาผลาญได้ บอกเลยว่าไม่อ้วนแน่นอน
ประโยชน์ 3 ต่อ ของอะโวคาโด
1. อะโวคาโดป้องกันโรค
กรดไขมันที่อยู่ในเนื้อของอะโวคาโด ช่วยลดปริมาณ LDL-cholesterol ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลที่เป็นผลเสียต่อร่างกายและเพิ่มปริมาณ HDL-cholesterol ในเลือดซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลที่เป็นผลดีต่อร่างกาย มีประโยชน์ในการป้องกันโรคหัวใจซึ่งเป็นประโยชน์ในการลดไขมันในเส้นเลือดคนที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูงก็บริโภคผลไม้ชนิดนี้ได้ และใช้ลดน้ำหนักได้ดี เพราะปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำ แต่มีน้ำตาลต่ำ ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานจึงสามารถบริโภคผลไม้ชนิดนี้ได้
ในอะโวคาโด ยังเปี่ยมด้วยวิตามินสูง ประกอบด้วย วิตามิน เอ(เบต้าแคโรทีน) ช่วยบำรุงสายตา วิตามินบีช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ปากนกกระจอก วิตามินซีช่วยป้องกันหวัด เลือดออกตามไรฟัน
2. อะโวคาโดบำรุงผิว
ในอะโวคาโดที่อุดมไปด้วยวิตามินนั้น จะมีวิตามินอี ซึ่งเป็นสาร antioxidant ที่มีคุณค่าในการปกป้องเซลล์ร่างกายจากมลพิษทางอากาศ น้ำ และอาหาร ป้องกันร่างกายจากโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ และโรคหัวใจ ในผู้ใหญ่ควรบริโภควิตามินอีอย่างน้อย 10 mg ต่อวัน ผู้หญิงในอเมริกาใต้และเม็กซิโกใช้ผลอะโวคาโดสดสำหรับบำรุงเส้นผมและผิวพรรณมานับพันปีแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแห้ง ให้นำอะโวคาโดมาบดผสมกับกล้วยหอมสุข และน้ำผึ้ง ในอัตรส่วน 1:1:1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากันแล้วทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที แล้วล้างออก คุณก็จะมีผิวพรรณที่ชุ่มชื่นมีชีวิตชีวา และยังใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญเพื่อการสกัดน้ำมันในอุตสาหกรรมทำเครื่องสำอางประทินผิวต่าง ๆ
นอกจากนี้ ในอะโวคาโดยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และสารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโซเดียม โพแทสเซียม โฟเลต ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอล โดยเฉพาะโฟเลตนั้น เป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับหญิงที่ตั้งครรภ์ เนื่องจากโฟเลตเป็สารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและสร้างเนื้อเยื่อของทารก คนไทยสมัยก่อนใช้กล้วยเป็นอาหารเลี้ยงทารก อะโวคาโดก็เช่นกันสามารถใช้เป็นอาหารเลี้ยงทารกได้โดยอาจใช้เนื้ออะโวคาโดสุกป้อนเด็กทารกโดยตรงหรือผสมกับกล้วยน้ำว้าสุกอัตราส่วน 1:1
3. หมักบำรุงผม สำหรับผมหยิกหยักศก
ในอะโวคาโดนั้นจะมีโปรตีนสูงกว่าผลไม้สดอื่น ๆ ประมาณ 0.8 – 1.7 % โดยให้ค่า พลังงานความร้อนต่อร่างกายสูงแต่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำ เป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย มีเยื่อใยสูง และมีไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายและเส้นผมของเรา ซึ่งจะทำหน้าที่ซ่อมแซมผมที่เสียหายและปรับสภาพเส้นผมให้เรียบ ช่วยให้ผมดูมีน้ำหนัก ใช้แก้ปัญหาคนที่มีผมหยิกหยักศก ให้ผมลดการแห้ง ฟูได้
ทานอะโวคาโดอย่างไร ให้ได้ประโยชน์
การรับประทานแนะให้ทานครั้งละไม่เกิน ครึ่งผล หรืออย่างมากสุดไม่เกิน 1 ผลต่อวัน เพราะถึงจะมีประโยชน์มากมาย เเต่ก็ให้พลังงานสูงเช่นกัน วิธีการทานอาจจะตักทานเลย หรือนำมาใส่สลัด ห่อด้วยข้าวสไตล์ญี่ปุ่น หรือนำมาทากับขนมปังโรยเกลือเล็กน้อยให้รสชาติไม่เเพ้เนยที่ทำจากนมวัวเลยทีเดียว 2 สูตรสำหรับเพิ่มความชุ่มชื้นผิวและผม
สูตร 1 บำรุงได้ทั้งผมและผิว
อโวคาโด ½ ลูก
น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
โยเกิร์ต ½ ถ้วย
นำส่วนผสมทั้งสามอย่าง มาผสมให้เข้ากัน จากนั้นก็นำมาพอกหน้าไว้ จะช่วยเพื่อความชุ่มชื่น ให้กับผิวหน้า และผม ในขณะที่น้ำผึ้ง จะทำให้ผมดูเงางามขึ้นด้วย
สูตร 2 บำรุงผิวแบบเข้มข้น
อโวคาโด ½ ลูก
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
ไข่ขาว 1 ลูก
นำส่วนผสมทั้ง 3 อย่าง มาผสมให้เข้ากันอย่างเดิม แล้วพอกทิ้งไว้ น้ำมะนาว และไข่ขาว จะช่วยลดความมันบนใบหน้า เหมาะสำหรับคนที่มีสิวง่าย ส่วนคนที่ต้องการนำไปมาร์คผม ไข่ขาว จะช่วยเพิ่มโปรตีนให้เส้นผม แข็งแรงขึ้น ส่วนน้ำมะนาว ก็ทำให้เส้นผมเงางาม
สำหรับคนที่อยากจะเริ่มทำ ควรลองทาบนผิวเฉพาะบางจุดก่อน เพื่อทดสอบอาการแพ้ เพราะถ้ามาร์คทีเดียวทั้งหน้า แล้วเกิดอาการแพ้ขึ้นมา จะแย่เอานะคะ…
ที่มาข้อมูล : e-magazine.info
Relate topics
- 10 อาหารที่ควรทานหลังออกกำลังกายหลายคนที่ลดน้ำหนักอาจเข้าใจผิดไปว่า หลังออกกำลังกายแล้วนั้นไม่ควรรับประทานอาหารใดๆ ทั้งสิ้นเพราะจะทำให้ยิ่งอ้วน แต่หารู้ไม่ว่าช่วงหลังออกกำลังกายนี่แหละเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องการอาหารอย่างเช่น น
- " ฝึกสมองให้ลดน้ำหนัก "การลดน้ำหนักหรืออดอาหารไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ยิ่งสำหรับบางคนมันเป็นความท้าทายที่หนักหนาสาหัสอย่างมากสำหรับร่างกายและ จิตใจของตัวเองในการที่จะลดอาหาร ลดไขมัน รวมไปถึงการควบคุมปริมาณแคลลอรี่ที่บริโภคเข
- ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตกพร่ำๆ!!! เตือนภัย 15 โรคติดต่อที่มาพร้อมฤดูฝน!อีกไม่นานประเทศไทยก็จะเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเต็มตัว หลายคนเริ่มตระเตรียมอุปกรณ์กันฝน แต่แค่นั้นยังไม่เพียงพอ เพราะเมื่อฤดูฝนย่างกรายเข้ามา ก็จะมี 15 เชื้อโรคติดต่อรอโจมตีเราอยู่อย่างเงียบๆ ![
- 'รากบัว' เสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย สรรพคุณทางยามหาศาลในรากบัวยังพบ “ฟลาโวนอยด์” ซึ่งเป็นสารกลุ่มโฟลีฟีนอล ที่จัดเป็นพฤกษเคมีที่มีคุณสมบัติเด่น ในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง สรรพคุณทางยามากมาย เช่น ลดไข้ บรรเทาอาการไอ อีกด้วย
- ยาก่อนอาหาร ยาหลังอาหาร ลืมกินยาตามเวลา อันตรายหรือไม่ปัญหาที่มักพบเสมอเวลาจะรับประทานยา คือ ต้องรับประทานก่อนหรือหลังอาหาร และก่อนอาหารนานเท่าไหร่ หลังอาหารกี่นาที ก่อนนอนนานแค่ไหน ถ้าลืมแล้วจะทำอย่างไร ![ คำอธิบายภาพ : findingtherightpill ](http:
- ข้าวโพดต้มสุก มีดีกว่าที่คิด!!!สีเหลืองเข้มอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ชื่อ ลูทีน และ ซีเซนทีน ยิ่งนำไปต้มหรือย่าง สารตัวนี้จะยิ่งออกมาเยอะขึ้น!!! ![ คำอธิบายภาพ : IMG20150517112917 ](http://sator4u.com/upload/pics/IMG
- ช็อค! Ending the War on Fat ความเชื่อคนทั้งโลก เมื่อผลวิจัยเผย “คอเรสเตอรอล” มีแต่ประโยชน์ ไม่มีโทษนิตยสารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาอย่าง TIME ได้เผยถึงบทความเกี่ยวกับ Ending the War on Fat “ความจริงของคอเรสเตอรอล” ที่ทุกๆ คนเข้าใจผิดมาตลอด 60 ปี ที่ว่าคอเรสเตอรอลเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดหลอดเลือดหัวใจ
- ผัก-ผลไม้ 7 อย่าง! บำรุงสายตา!!!การเลือกรับประทานพืชผักบางชนิดนอกจากทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังสามารถช่วยบำรุงดวงตาให้มองเห็นแจ่มแจ๋ว ไม่ร่วงโรยตามอายุได้อีกด้วย ![ คำอธิบายภาพ : foods-for-eye-health-934934 ](http://sator4u.com
- โรคไข้เลือดออกโรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่เกิดจากยุงเป็นพาหนะของโรค นอกจากเป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทย ยังเป็นปัญหาสาธารณสุขทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศในเขตร้อนชื้น และก่อให้เกิดความกังวลต่อผู้ปกครองเวลาเด็กมีไข้ บทความนี
- โรคเก๊าท์ ...การรักษาด้วยวิธีการที่ไม่ใช้ยาถึงแม้ว่าโรคเก๊าท์เป็นโรคที่เกิดจากภาวะกรดยูริกในเลือดสูง และในปัจจุบันมียาหลายชนิดที่ใช้ในการรักษาภาวะกรดยูริกในเลือดสูงก็ตาม แต่การรักษาด้วยวิธีการที่ไม่ใช้ยาก็ยังเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการรักษาผู้