กลั้นปัสสาวะ เรื่องธรรมดาที่น่ากลัว
กลั้นปัสสาวะ เรื่องธรรมดาที่น่ากลัว (At office) เรื่องโดย : Officemat
ทำงานเพลิน ติดประชุมต่อเนื่อง ต้องเดินทางตลอดทั้งวันเจอสภาพรถติดอยู่ในรถ ไม่สามารถที่จะปัสสาวะได้ ก็เลยต้องกลั้นปัสสาวะด้วยความจำเป็น แถมบางคนไม่ค่อยชอบดื่มน้ำระหว่างทำงาน เพราะขี้เกียจที่จะลุกไปเข้าห้องน้ำ ไม่เห็นต้องเป็นห่วงเลย ไม่น่าเกิดปัญหาอะไร แค่กลั้นปัสสาวะเฉย ๆ คงไม่เป็นไร
แล้ววันร้ายคืนร้ายก็เกิดขึ้น หลังจากกลั้นปัสสาวะ แล้วเกิดอาการปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่ค่อยออก เจ็บแสบท่อปัสสาวะ บางคนมีอาการปัสสาวะเป็นเลือดด้วย ตกใจบวกกับ ความทรมานที่นึกไม่ถึง ก็เรียกว่าเกิดเรื่องเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะขึ้นแล้วคนที่เคยมี ประสบการณ์ก็จะบอกได้ว่า เกิดภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบเฉียบพลัน
เรื่องที่เกิดขึ้นมักเกิดกับสตรีมากกว่าคุณผู้ชาย เนื่องเพราะความแตกต่างของสรีระของสองเพศคือ ท่อปัสสาวะของคุณผู้หญิงจะสั้นกว่ามากคือ มีความยาวเพียง 4-5 เซนติเมตร เท่านั้น ในขณะที่ท่อปัสสาวะของผู้ชายจะยาวกกว่ามาก จึงทำให้โอกาสที่เชื้อโรคจะเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะของสตรีง่ายกว่า
ธรรมชาติได้มีกลไกที่สำคัญในการที่จะล้าง และขับเอาเชื้อโรคที่อาจจะหลุดเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะคือ การปัสสาวะอย่างสม่ำเสมอ ทุกครั้งที่มีการปัสสาวะก็คือ การล้างเอาเชื้อโรคที่พลัดหลง เข้าสู่กระเพาะปัสสาวะทิ้งสู่ภายนอกนั่นเอง
ในกรณีที่กลั้นปัสสาวะไว้เป็นเวลานาน ๆ ก็เปรียบเหมือน การที่ปล่อยให้เกิดน้ำขังนิ่งไม่เกิดการไหลเวียนไว้ในบ่อเป็นเวลานาน ๆ เชื้อโรคต่าง ๆ ก็จะเจริญเติบโตมีการเพิ่มจำนวนมากขึ้นจนน้ำในบ่อเน่าเสีย ก็คือ เกิดการเพิ่มจำนวนเชื้อโรคในน้ำปัสสาวะจนก่อให้เกิดโรค คือเกิดการติดเชื้อได้นั่นเอง และเชื้อโรคก็จะวิ่งเข้าเล่นงานอวัยวะที่ใกล้ที่สุดคือ กระเพาะปัสสาวะ เกิดการอักเสบและทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ตามมา
ความจริงประการหนึ่งที่ร่างกายทำได้คือ เชื้อโรคในปริมาณน้อย ๆ ไม่สามารถทำให้เกิดโรคได้ แต่เชื้อโรคชนิดเดียวกันเมื่อเพิ่มจำนวนขึ้นมาก ๆ ก็ก่อให้เกิดโรคได้และทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้มากมายนั่นเอง
การกลั้นปัสสาวะบ่อย ๆ จึงเป็นการกระทำที่ไปเปลี่ยนกลไกการทำความสะอาดกระเพาะปัสสาวะ และทำให้เกิดปัญหาการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะตามมาได้ พบได้บ่อยในคนที่นั่งทำงานเพลิน ไม่ค่อยปัสสาวะ บางครั้งไม่ปวดมากแต่ร่างกายได้เตือนแล้วว่า ถึงเวลาที่ควรปัสสาวะแล้ว บางรายหนักยิ่งขึ้นไปอีกคือคนที่ไม่ค่อยชอบดื่มน้ำ ทำให้การสร้างปัสสาวะลงลด ก็ไม่ต้องไปฉี่บ่อยและยังกลั้นอีกด้วย ก็เรียกว่า ทำร้ายร่างกายตนเองมากขึ้น โอกาสที่จะเกิดการติดเชื้อก็ง่ายยิ่งขึ้น
ร่างกายของมนุษย์ มีความลึกซึ้งมากในเรื่องกลไกการป้องกันตัวเอง แม้กระทั่งเรื่องการปัสสาวะ คือ พบว่า เวลาที่ไปปัสสาวะ ส่วนของปัสสาวะที่ออกมาในช่วงต้น ๆ จะเป็นปัสสาวะที่เกิดขึ้นก่อนและขังอยู่ในกระเพาะปัสสาวะนานกว่า ส่วนที่ปัสสาวะออกมาทีหลัง
ในทางการแพทย์ใช้หลักการในการเป็นแนวทางการวินิจฉัยโรคคือ ถ้าปัสสาวะที่ออกมาก่อน มีความขุ่น (มักจะเกิดจากการอักเสบติดเชื้อ) ก็พอจะบอกได้ว่าการอักเสบเกิดขึ้นในระบบปัสสาวะส่วนที่อยู่ต่ำ ๆ เช่น กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ แต่ถ้าปัสสาวะที่ออกมาก่อนใสดี และเริ่มขุ่นในช่วงท้าย ๆ ก็ให้คิดว่าการอักเสบน่าจะเกิดที่ส่วนทางเดินปัสสาวะที่อยู่สูง เช่น หลอดไต หรือ ที่ไตข้างใดข้างหนึ่ง หลายคนคงสงสัยว่าจะตรวจอย่างไรว่าปัสสาวะส่วนต้น หรือส่วนปลาย วิธีการง่าย ๆ คือ ให้ปัสสาวะใส่แก้ว ใหญ่สามใบ ก็จะพอบอกได้ว่าส่วนต้นและส่วนปลายมีความผิดปรกติหรือไม่
เมื่อมีการอักเสบของน้ำปัสสาวะ ก็จะทำให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบตามมา จะมีอาการคือ ปัสสาวะบ่อย แสบ เจ็บที่ท่อปัสสาวะ บางคนบอกว่าเหมือนโดนมีดบาดเวลาปัสสาวะทีเดียว มักจะกลั้นปัสสาวะไม่ค่อยได้ บางรายที่มีอาการมากอาจจะปัสสาวะเป็นเลือดได้ ซึ่งเมื่อเกิดสภาพอย่างนี้คนไข้มักทนต่อไปไม่ได้ต้องไปพบแพทย์ เพื่อทำการรักษาทันที เมื่อเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ จะทำให้กระเพาะปัสสาวะเกิดความไวกว่าปกติ คือ ความสามารถในการเก็บปัสสาวะจะทำได้น้อยลง จึงทำให้ปัสสาวะบ่อย ครั้งละไม่มาก บางรายการอักเสบไม่อยู่เพียงแค่ กระเพาะปัสสาวะ แต่ลุกลามขึ้นไปที่ไตเกิดการอักเสบที่เรียกว่า กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งคือ การอักเสบของเนื้อไตและเยื่อบุภายใน หลอดไตที่เชื่อมต่อกับไต (เรียกว่า กรวยไต ) ถือว่าเป็นโรคที่มีความรุนแรง ซึ่งหากรักษาไม่ถูกต้องอาจมีอันตรายร้ายแรง เช่น เกิดโลหิตเป็นพิษ หรือ ไตวายเฉียบพลันได้
สาเหตุที่ทำให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ที่พบบ่อยได้แก่เชื้อ อีโคไล ( E.Coli ) ซึ่งเป็นเชื้อที่พบในอุจจาระของคนทั่วไป เนื่องจากทวารหนักและท่อปัสสาวะอยู่ใกล้กันมาก โอกาสในการปนเปื้อนจึงเกิดขึ้นได้ และทำให้เชื้อโรคหลุดเข้าไปในน้ำปัสสาวะ เกิดการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะและย้อนขึ้นไปตามหลอดไต เกิดการอักเสบที่กรวยไตได้ โรคกรวยไตอักเสบเฉียบพลันจะมีอาการ ไข้สูง หนาวสั่นมาก ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน มักมีอาการปวดท้อง ปวดบั้นเอวด้านในด้านหนึ่ง และปัสสาวะขุ่น ถ้าเป็นมากอาจจะปัสสาวะเป็นหนองได้
โรคกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน ถือเป็นโรคที่รุนแรงและมีอันตราย ควรได้รับการรักษาอย่างถูกต้องภายใน 24 ชั่วโมง คือ ได้รับการตรวจวินิจฉัย และหาสาเหตุร่วม เช่น การมีนิ่วอุดตันในทางเดินปัสสาวะ หากได้รับการรักษาช้าอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ เช่น ภาวะไตวายเฉียบพลัน หรือภาวะโลหิตเป็นพิษ และจะพบความรุนแรงยิ่งขึ้นในกรณีที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำ พบว่าการรักษาโรคกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน ต้องได้รับยาปฏิชีวนะชนิดฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ และต้องให้สารน้ำทางน้ำเกลือในกรณีที่ผู้ป่วยอาเจียนมาก เพื่อรักษาสมดุลเกลือแร่ และน้ำในร่างกาย
การป้องกัน การอักเสบของทางเดินปัสสาวะอาจทำได้โดย ดื่มน้ำมาก ๆ ในเวลาที่ปัสสาวะได้ เพื่อช่วยให้ร่างกายขับเอาเชื้อโรคทิ้งออกจากร่างกาย ไม่กลั้นปัสสาวะเพื่อลดโอกาสการเพิ่มจำนวนของเชื้อโรคในน้ำปัสสาวะ หลังถ่ายอุจจาระ ควรทำความสะอาดโดยใช้กระดาษชำระ เช็ดทำความสะอาดจากด้านหน้าไปสู่ด้านหลัง (ไม่เช็ดจากด้านหลังมาด้านหน้า เพราะทวารหนักอยู่ด้านหลังท่อปัสสาวะ)
หากมีอาการของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ควรรีบรักษาอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้ลุกลามการอักเสบไปที่กรวยไตและเนื้อไต ซึ่งอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ป่วยเบาหวานอย่าวางใจเด็ดขาด เพราะการอักเสบที่รุนแรง อาจเกิดถุงหนองรอบไต และติดเชื้อเข้ากระแสเลือด อันตรายถึงชีวิตได้ พฤติกรรมของมนุษย์ มีผลต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ได้มากมาย เช่น การกิน การนอนหลับ การใช้คอในกรณีนอนอ่านหนังสือ หรือนอนดูทีวีหรือการเงยคอบ่อย ๆ เรียกว่าใช้คอในท่าที่ไม่ถูกต้องก็ทำให้กระดูกต้นคอเสื่อมได้ เช่นเดียวกันการกลั้นปัสสาวะบ่อยๆ ก็ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้
การที่มีความรู้และเข้าใจความเป็นไปของธรรมชาติ ของมนุษย์ อย่างถูกต้องและนำมาปรับเปลี่ยนใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละคนจึงเป็นวิธีการที่ดี ที่จะป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพได้ทางหนึ่งทีเดียว
Relate topics
- 10 อาหารที่ควรทานหลังออกกำลังกายหลายคนที่ลดน้ำหนักอาจเข้าใจผิดไปว่า หลังออกกำลังกายแล้วนั้นไม่ควรรับประทานอาหารใดๆ ทั้งสิ้นเพราะจะทำให้ยิ่งอ้วน แต่หารู้ไม่ว่าช่วงหลังออกกำลังกายนี่แหละเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องการอาหารอย่างเช่น น
- " ฝึกสมองให้ลดน้ำหนัก "การลดน้ำหนักหรืออดอาหารไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ยิ่งสำหรับบางคนมันเป็นความท้าทายที่หนักหนาสาหัสอย่างมากสำหรับร่างกายและ จิตใจของตัวเองในการที่จะลดอาหาร ลดไขมัน รวมไปถึงการควบคุมปริมาณแคลลอรี่ที่บริโภคเข
- ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตกพร่ำๆ!!! เตือนภัย 15 โรคติดต่อที่มาพร้อมฤดูฝน!อีกไม่นานประเทศไทยก็จะเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเต็มตัว หลายคนเริ่มตระเตรียมอุปกรณ์กันฝน แต่แค่นั้นยังไม่เพียงพอ เพราะเมื่อฤดูฝนย่างกรายเข้ามา ก็จะมี 15 เชื้อโรคติดต่อรอโจมตีเราอยู่อย่างเงียบๆ ![
- 'รากบัว' เสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย สรรพคุณทางยามหาศาลในรากบัวยังพบ “ฟลาโวนอยด์” ซึ่งเป็นสารกลุ่มโฟลีฟีนอล ที่จัดเป็นพฤกษเคมีที่มีคุณสมบัติเด่น ในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง สรรพคุณทางยามากมาย เช่น ลดไข้ บรรเทาอาการไอ อีกด้วย
- ยาก่อนอาหาร ยาหลังอาหาร ลืมกินยาตามเวลา อันตรายหรือไม่ปัญหาที่มักพบเสมอเวลาจะรับประทานยา คือ ต้องรับประทานก่อนหรือหลังอาหาร และก่อนอาหารนานเท่าไหร่ หลังอาหารกี่นาที ก่อนนอนนานแค่ไหน ถ้าลืมแล้วจะทำอย่างไร ![ คำอธิบายภาพ : findingtherightpill ](http:
- ข้าวโพดต้มสุก มีดีกว่าที่คิด!!!สีเหลืองเข้มอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ชื่อ ลูทีน และ ซีเซนทีน ยิ่งนำไปต้มหรือย่าง สารตัวนี้จะยิ่งออกมาเยอะขึ้น!!! ![ คำอธิบายภาพ : IMG20150517112917 ](http://sator4u.com/upload/pics/IMG
- ช็อค! Ending the War on Fat ความเชื่อคนทั้งโลก เมื่อผลวิจัยเผย “คอเรสเตอรอล” มีแต่ประโยชน์ ไม่มีโทษนิตยสารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาอย่าง TIME ได้เผยถึงบทความเกี่ยวกับ Ending the War on Fat “ความจริงของคอเรสเตอรอล” ที่ทุกๆ คนเข้าใจผิดมาตลอด 60 ปี ที่ว่าคอเรสเตอรอลเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดหลอดเลือดหัวใจ
- ผัก-ผลไม้ 7 อย่าง! บำรุงสายตา!!!การเลือกรับประทานพืชผักบางชนิดนอกจากทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังสามารถช่วยบำรุงดวงตาให้มองเห็นแจ่มแจ๋ว ไม่ร่วงโรยตามอายุได้อีกด้วย ![ คำอธิบายภาพ : foods-for-eye-health-934934 ](http://sator4u.com
- โรคไข้เลือดออกโรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่เกิดจากยุงเป็นพาหนะของโรค นอกจากเป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทย ยังเป็นปัญหาสาธารณสุขทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศในเขตร้อนชื้น และก่อให้เกิดความกังวลต่อผู้ปกครองเวลาเด็กมีไข้ บทความนี
- โรคเก๊าท์ ...การรักษาด้วยวิธีการที่ไม่ใช้ยาถึงแม้ว่าโรคเก๊าท์เป็นโรคที่เกิดจากภาวะกรดยูริกในเลือดสูง และในปัจจุบันมียาหลายชนิดที่ใช้ในการรักษาภาวะกรดยูริกในเลือดสูงก็ตาม แต่การรักษาด้วยวิธีการที่ไม่ใช้ยาก็ยังเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการรักษาผู้