ประวัติศาสตร์นครศรีธรรมราช :มหานครโบราณ :สมัยประวัติศาสตร์ "เมืองประวัติศาสตร์ พระธาตุทองคำ ชื่นฉ่ำธรรมชาติ แร่ธาตุอุดม เครื่องถมสามกษัตริย์ มากวัด มากศิลป์ ครบสิ้นกุ้งปู"
ประวัติศาสตร์นครศรีธรรมราช : มหานครโบราณ :สมัยประวัติศาสตร์ "เมืองประวัติศาสตร์ พระธาตุทองคำ ชื่นฉ่ำธรรมชาติ แร่ธาตุอุดม เครื่องถมสามกษัตริย์ มากวัด มากศิลป์ ครบสิ้นกุ้งปู"
นครศรีธรรมราช มาจากคำว่า นคร แห่งพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช เมื่อเอาคำว่านคร +ศรี+ ธรรม+ราช ก็จะเป็นคำใหม่ว่า นครศรีธรรมราช คำนี้มีเค้ามาจากคำเรียกของแคล้นสุโขทัยที่เรียกยกย่องนครศรีธรรมราชว่าเป็น "นคร"ของพระเจ้าศรีธรรมโศกราช และเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรศรีวิชัยอยู่ช่วงหนึ่ง ในสมัยพระเจ้าศรีธรรมโศกราช แห่งราชวงศ์ปทุมวงศ์ พระองค์ทรงสถาปนาเมืองหลวงแห่งใหม่ จากเดิมคือ กรุงตามพรลิงค์ ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ ปกครองโดยราชวงศ์อื่น นับถือศาสนาพรามหณ์ อกกมาทางทิศเหนือ ชื่อว่า “นครศรีธรรมราชมหานคร” หรือ “กรุงศรีธรรมราชมหานคร” เป็นเมืองหลวงแห่งอาณาจักนครศรีธรรมราช ที่ประกาศตนเป็นเจ้าแห่งคาบสมุทรมลายู อาณาเขตตั้งแต่อำเภอบางสะพาน ถึง สิงคโปร์
ประเภทการปกครองของศรีวิชัย
แคล้นพาลี้ (ศุกโฃทัย) เป็นเมืองบกในปกครองของราชอาณาจักรศรีวิชัยที่ไชยาเหมือนกับเมืองอู่ทอง กาฬสินธุ์ อุบล และละโว้ (ลพบุรี) เมืองออกเมืองขึ้นที่อยู่บนบกจะขึ้นกับ "นายก" ซึ่งเป็นรองมหาราชศรีวิชัยอันดับที่ 1 ส่วนเมืองชายทะเลของศรีวิชัยจะขึ้นสังกัดกับรองมหาราชศรีวิชัยองค์ที่ 2เรียกชื่อตำแหน่งว่า "มหาอุปจักรพรรดิ์" จะใช้กองทัพม้าที่อยู่ในกองทัพเรือในการไปตรวจราชการและทำศึกสงครามปราบขบถ
ส่วนเมืองชั้นในจะขึ้นตรงกับมหาราชแห่งศรีวิชัย คำว่า ศรีวิชัยเป็นฉายาของอาณาจักร "ศรีโพธิ์" ที่ไชยา และอาณาบริเวณใกล้เคียงนับถือศาสนาพุทธมหายาน หรือฮินดู-พุทธ โดย "ศรี" หมายถึงพราหมณ์ และ "โพธิ์"หมายถึงพระพุทธเจ้า อาณาจักรศรีโพธิ์ที่ไชยา จะมีอายุอยู่ระหว่างปี พ.ศ. 1202 -1759 หรือ พ.ศ.1200-1800
ต้นตอของ3 ศรีวิชัย
กษัตริย์องค์แรกของศรีโพธิ์ คือ หะนิมิตเป็นมหาราชมีฉายาเป็นเทพเจ้าว่า "พระอินทร์" ผู้สร้างธาตุไชยเมื่อ พ.ศ.1231 และสร้างพระแก้วมรกตเมื่อ พ.ศ.1233 มีโอรสองค์เอกชื่อเป็นเทพเจ้าว่าพระวิษณุที่ 1 มาปกครองเมืองพระเวียงนครศรีธรรมราชแล้วเลยไปปกครองศรีวิชัยที่ชวา (อินโดนีเซีย) ใน พ.ศ.1290 และเป็นผู้เริ่มต้นสร้างบรมพุทโธ ศาสนสถานแบบฮินดู-พุทธ มีโอรสองค์เอกชื่อเป็นเทพเจ้าว่าพระเจ้าวิษณุที่ 2 เข้ามายึดครองนครศรีธรรมราชใน พ.ศ.1310แล้วรวบรวมศรีโพธิ์ทั้ง 3 อาณาจักรเป็นหนึ่งเดียวเรียกว่า สัมโพธิ์แปลว่ารวมโพธิ์ราชา หรือโพธิ์ตรัสรู้ 3 แห่งเข้าด้วยกัน จึงเรียกว่าสัมฮุดชี แปลว่ารวมพระเจ้า 3องค์เข้าด้วยกัน (3แห่ง)
คำว่าศรีวิชัย ศาสตราจารย์ ยอร์ซ เซเดส์ ผู้เชี่ยวชาญโบราณคีและประวัติศาสตร์ชาวฝรั่งเศสได้มาขุดค้นวัดเสมาชัยกับสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระบิดาประวัติศาสตร์ไทยเมื่อ พ.ศ.2461 ปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 6 พบศิลาจารึกหลักที่ 23 ที่จารึกเมื่อ พ.ศ.1318 มีชื่อ "ศรีวิชัย"อยู่มากมาย ท่านเลยอนุมานเอาว่าอาณาจักรนี้น่าจะชื่อว่าศรีวิชัย พร้อมกับพระพุทธรูปยืนองค์หนึ่งที่แสดงอภินิหารมากมาย ปัจจุบันพระพุทธรูปองค์นี้ประดิษฐานอยู่ใต้วิหารโพธิลังกา วัดพระธาตุ ส่วนพระมหากษัตริย์พระเจ้าวิษณุที่ 2 นิลาจารึกหลักนี้เรียกว่า "พระเจ้าศรีวิชเยนทรราชา"
เมือง 12 นักษัตร
หลักการปกครองของอินเดียโบราณตั้งแต่สมัยอาณาจักรไอราวดี ในลุ่มน้ำสินธุเป็นต้นมามักจะมีเมืองบริวาร ทั้ง 10 หมายถึง 10 ทิศ คือทิศทั้ง 8 เมือง และเมืองบนสวรรค์และเมืองใต้ดิน หรือเมืองสวรรค์และเมืองบาดาลแต่ในความเป็นจริงเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ต้องมีเมืองที่ 9 และเมืองที่ 10 ให้ครบตามปรัชญา ความเชื่อเมือง 2 เมืองนี้จึงมักจะอยู่ในแนวเหนือใต้ของเมืองเอกมากที่สุด ในสมัยศรีวิชัยยุคแรกประมาณ พ.ศ.1200-1310 ก็มี เมืองนครทั้ง 10 เป็นเมืองบริวาร เมื่อพระเจ้าศรีวิชเยนทรราชยึดครองนครศรีธรรมราชแล้วจึงมีพระราชดำริสร้างเมืองบริวารขึ้นเองโดยสนับสนุนเมืองขึ้น ยกกองทัพไปปราบหรือดำเนินการด้านการฑูตหรือเมืองเหล่านั้นมาร่วมเป็นเครือข่ายจนได้เมืองบริวารถึง 5 เมืองและสามารถดึงนครทั้ง 10 ของศรีวิชัยลงมาร่วมด้วยเป็นนครทั้ง 15 ประมาณ พ.ศ.1325 พร้อมกับการเฉลิมฉลองพระธาตสร้างใหม่ทรงศรีวิชัย และมีการสมโภชพระธาตุด้วยการนำการเล่นเงาแบบฉายานาฏกะของพราหมณ์เข้ามาใช้จนเป็นต้นตอของการเล่นหนังตะลุงในยุคต่อมา ตั้งแต่พ.ศ.1440ศรีวิชัยที่ชวาอินโดนีเซียก็เริ่มเสื่อมอำนาจลงทำให้ศรีวิชัยที่นครศรีธรรมราชโดดเด่นยิ่งขึ้นจนกลายเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรศรีวิชัยทั้ง 3 ได้โดยไม่ยากนัก
ตกมาใน พ.ศ.1773 พระเจ้าจันทรภาณุศรีธรรมาโศกราชประกาศอิสรภาพ ดังศิลาจารึกหลักที่ 24 วัดเสมาเมืองยกกองทัพเรืออันเกรียงไกรข้ามมหาสมุทรอินเดียไปตีลังกาครั้งที่ 1 เมื่อ พ.ศ.1790 ได้พระพุทธสิหิงค์มาโดยนางพญาเลือดขาว พระแม่เจ้าอยู่หัว ได้เสด็จไปรับแทนประมาณ พ.ศ.1791 พร้อมช้างพระที่นั่งเอกตัวแทนพระเจ้าจันทรภาณุ ต่อมา พ.ศ.1813 ทรงยกทัพเรือไปตีลังกาครั้งที่ 2 โดยหวังจะได้บาตรของพระพุทธเจ้า แต่ ชวากะ หรือศรีวิชัยที่ไชยากับพวกโจฬะอินเดียเป็นไส้ศึกจึงทรงแพ้ศึกครั้งนี้และสวรรคต ทรงสร้างพระธาตุเจดีย์รูปทรงลังกาดังที่เห็นปัจจุบันในพ.ศ. 1790 และพระเจ้าแผ่นดินองค์นี้มีเมืองบริวารเป็น "นครทั้ง 12 โดยใช้รหัสกลุ่มดาวเป็นรหัสเมืองออกเมืองขึ้นทั้ง 12 เมือง เรียกว่า เมือง 12 นักษัตร ศิลาจารึกสำคัญ 2 หลักนี้ห่างกันเพียง 455 ปี หรือ 50 ปีพอดี ปัจจุบันวัดเสมาชัยถูกยุบเข้าอยู่ในวัดเสมาเมือง ดังนั้นนักประวัติศาสตร์ และนักโบราณคดีจึงเรียกศิลาจารึกทั้ง 2 ว่ามาจากวัดเสมาเมืองทั้ง 2 หลัก
ประวัติพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนาจะเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาการประวัติศาสตร์ของนครศรีธรรมราชตลอดมา เริ่มจากพระเจ้าอโศกมหาราชแห่งเมารียวงศ์แห่งอินเดียทรงครองราชย์ระหว่าง พ.ศ.215-255 และทรงสนพระทัยศาสนาพุทธ พ.ศ.234 จัดส่งธรรมฑูต จำนวน 9 คณะออกไป 9 เส้นทางโบราณ 1 ใน 9 คณะนั้น นำโดยพระโสภณเถระและพระอุตตระเถระมาถึงนครศรีธรรมราช พ.ศ. 245 แต่ผู้รู้บางท่านบอกว่า พ.ศ.275 ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะ พ.ศ.275 พระองค์ได้สิ้นพระชนม์ไปแล้วถึง 41 ปี หรือว่ามีคณะธรรมฑูตมา 2 ครั้ง
พ.ศ.293 เจ้าชายสุมิตรโอรสพระเจ้าอโศกซึ่งได้บวชเป็นพระภิกษุ ได้อัญเชิญต้นศรีมหาโพธิ์มาปลูกที่สุวรรณปุระ หรือไชยา การเดินเรือจากอ่าวเบงกอลออกอ่าวไทยในสมัยโบราณมีเส้นทางแม่น้ำลำคลอง 6 เส้นทางข้ามภาคใต้ ไม่ต้องไปอ้อมปลายแหลมมลายู หรือช่องแคบมะละกา
พ.ศ.300 ศาสนาพุทธจากนครศรีธรรมราชและชา ไป้เผยแผ่ไปถึงศรีสุรรณะต่อมาจึงมีชื่อใหม่ว่านครปฐม ดังนั้นนครปฐมจึงเป็นเมืองแรกของภาคกลางที่ศาสนาพุทธเผยแผ่มาถึงไม่ใช่แห่งแรกในประเทศไทย เมื่อศาสนาพุทธประดิษฐานอย่างมั่นคงแล้วในลังกา เมืองสะเทิมในพม่าที่ชื่อว่าศิริธัมมนครก็ได้รับศาสนาพุทธตรงจากลังกาผ่านสะเทิมเข้าสู่อาณาจักรมอญ (พวกมุณฑ์จากอินเดีย) อาณาจักรยะไข่ อาณาจักรพุกามและเข้ามาสู่ อาณาจักรทวารวดีในภาคกลางของไทย อาณาจักรทวารวดีจะมีอายุอยู่ระหว่างพ.ศ. 1300-1700 ก่อนหน้านั้นเคยเจริญมาก่อนแล้วสมัยหนึ่งประมาณ พ.ศ.843-1200
พ.ศ.400 จะมีคนต่างเมืองอพยพเข้ามาสู่นครศรีธรรมราชมากมาย รวมทั้งพราหมณ์ยุคใหม่ ซึ่งก่อนหน้านนี้อพยพเข้ามาแล้วประมาณ 2,000 ปี ก่อนพุทธกาล ทำให้เกิดชุมชนเมืองมากมายตามริมฝั่งแม่น้ำ และภูเขาที่อุดมสมบูรณ์
พ.ศ.692 เมืองมลราชที่ลานสกาปรากฎตัวขึ้นในเอกสารโบราณที่นักประวัติศาสตร์ภาคกลางอ้างถึง ซึ่งแน่ละต้องนับถือทั้งศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธวบคู่กันส่วนศาสนาดั้งเดิมที่นับถืออิทธิฤทธิ์ของธรรมชาติก็ยังมีอยู่และสอดรับกันได้ดีกับศาสนาพราหมณ์ ที่ทำธรรมชาติเหล่านั้นให้เป็นตัวตนเทพเจ้า เช่น พระพิรุณเจ้าแห่งฝน พระอัคคี เทพแห่งไฟ พระอาทิตย์เทพแห่งแสงสว่าง เป็นต้น
พ.ศ.700 เกิดอาณาจักรพนมที่กระบี่กับสุราษฎร์ธานี พราหมณ์จากอินเดียได้อพยพเข้ามาตามแม่น้ำคลองแสง คลองสก คลองพุ่มดวง คลองสินปุน คลองสังข์ มาตั้งกรุงหยันที่ อ.ทุ่งใหญ่ และกรุงชิงที่ท่าศาลา รวมทั้งพราหมณ์โกณฑัญญะได้เดินทางจากอาณาจักรพนม (กระบี่+สุราษฎร์ธานี) ไปสร้างอาณาจักรฟูนันในเวียดนาม (พนม,ฟูนัน แปลว่า ภูเขา)
พ.ศ.854 นางเหมชาลาและทนตกุมารนำเสด็จพระบรมสารีริกธาตุ(กรามซ้ายบน)ของพระพุทธเจ้าหนีศัตรูมาฝังไว้ที่นี่ - เมืองนคร สร้างตึกดินครอบพระธาตุไว้โดยการช่วยเหลือของกษัตริย์ลังกา พ.ศ.856 นับว่าเป็นการสร้างพระธาตุเจดีย์ครั้งที่ 1
พ.ศ.1061 พราหมณ์มาลีกับพราหมณ์มาลาจากอินเดียอพยพมาสู่เมืองนครตั้งเมืองเขาวังและขุดพระบรมสารีริกธาตุในการนี้กาอาคมที่ "ลงไว้"ให้รักษาพระธาตุออกมาจิกตีทหาร จนพราหมณ์มาลาหลอกล่อไปจึงสังหารด้วยธนู "ไชยศรศิลป์" ลงอาคมชั้นสูงของพระนารายณ์ "ลานต่อกา"(ลานสกา) ชาวบ้านเชื่อว่าศรนี้เปลี่ยนรูปเป็นหินปรากฎอยู่บนถ้ำแก้วสุรกานต์ ทางไปกิ่งอำเภอช้างกลาง กาอาคมทั้ง 4 ฝูงนี้มีชื่อเฉพาะตนว่า กาแก้ว กาเดิม กาชาด การาม ซึ่งเป้นชื่อต้นแบบของพระครูชั้นราชาคณะคอยป้องกันพระธาตุเจดีย์ทั้ง 4 ทิศในเวลาต่อมาปัจจุบันลดชั้นลงเหลือเพียง "พระครู" และขาดตำแหน่งไป ต่อมาตำแหน่งพระราชาคณะทั้ง 4 นี้ได้นำไปใช้กับพัทลุงและพระธาตุไชยา จนคนยุคหลังไปตีความใหม่ว่าเป็นชื่อคณะพระภิกษุสงฆ์มาจากลังกาต่างหากไม่ได้มาจาก "กาอาคมทั้ง 4 ฝูง" ไม่ ยิ่งกว่านั้นยังเชื่ออีกว่า พระราชาคณะทั้ง 4 ตำแหน่งเมืองนครเอามาจากพัทลุงและไชยาเพราะไปเชื่อว่าพัทลุงและไชยามีอายุเก่าก่อนกว่านครศรีธรรมราช แต่แท้จริงแล้วพระธาตุไชยาสร้างประมาณ พ.ศ. 1231 พระครูกาทั้ง 4 ของพัทลุงเริ่มใช้ในสมัยหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดซึ่งหลวงพ่อทวดเรียนหนังสือที่วัดเสมาเมือง เมืองนครไปอยู่วัดท่าแคอยุธยา และเสด็จกลับมาจากอยุธยาเมื่อ พ.ศ.2158 ในสมัยพระเอกาทศรถ โปรดให้หลวงพ่อทวดเป็นสมเด็จเจ้าพะโค๊ะ สมเด็จสังฆราชแห่งปักษ์ใต้ และโปรดให้มีกา 4 คณะ เห็นไหมว่าไชยาใช้ "กาทั้ง 4หลังเมืองนคร 133 ปี พัทลุงใช้ "กาทั้ง 4หลังเมืองนคร 1060 ปี สุโขทัยใช้หลังเมืองนคร 712 ปี การสร้างพระธาตุเจดีย์ ทรงตึกเหลี่ยมใหญ่ สูงสง่ากว่าแข็งแรงกว่าเดิมในพ.ศ.1098 นี้ นับว่าเป็นการสร้างพระธาตุเจดีย์ครั้งใหญ่ เป็นครั้งที่ 2 และในปีเดียวกัน คณะพระภิกษุสงฆ์จากลังกาลัทธิวิหารประมาณ 700 องค์เศษได้เข้ามสร้างัดในศาสนาพุทธอีกวัดหนึ่งคือวัดท่าเรือ พ.ศ.1111 พระภิกษุสงฆ์อีกคณะหนึ่งจากลังกาประมาณ 300 องค์เศษเข้ามาสู่เมืองนครทำการสร้างวัดท้าวโคตรครั้งแรกในปีนี้ และมีการบูรณะปฏิสังขรณ์เรื่อยมา พ.ศ.1191 นครโฮลิง ที่จีนเรียก ซึ่งแปลว่า "ไข่แดง"โดยภาพรวมคือนครศรีธรรมราช แต่ในความเป็นจริงอาจจะเป็นเมืองมลราชที่ลานสกาก็ได้ ได้ส่งฑูตไปจีนครั้งแรกและหลายครั้งต่อมาทำให้จีนทราบว่า นครศรีธรรมราชเป็นเมืองศาสนาพุทธลัทธิมหายาน ศาสนาพุทธลัทธิหินยานและศาสนาพราหมณ์ลัทธิไศวนิกายรวมกันเจริญรุ่งเรืองควบคู่กันมาโดยมีการค้าขายทางเรือกับนานาชาติที่เมืองท่าเรือและแม่น้ำทุกสายในภาคใต้ พระภิกษุจีนจึงมักแวะผ่านนครศรีธรรมราชก่อนเดินทางไปไชยา ชา ลังกา และอินเดียทางเรือด้วยลมมรสุมอยู่เสมอ พ.ศ.1193 เจ้าชายโมคคัลลานะหนีราชภัยมาจากลังกา สร้างเมืองโมคลานที่ท่าศาลาโดยการช่วยเหลือของกษัตริย์ตามพรลิงค์ โมคลานเป็นเมืองศูนย์กลางตรงเส้นทางการค้าระหว่างอาณาจักรฟูนันในเวียตนามกับลังกา พ.ศ.1202 กำเนิดอาณาจักรศรีโพธิ์ โดยพระเจ้าหะนิมิตโอรสอาณาจักรอู่งตั้งตนเป็นมหาราช ฉายาชื่อ "พระอินทร์" โอรสมีฉายาว่า พระเจ้าวิษณุที่ 1 ผู้กครองชวา (อินโดนีเซีย) ดังกล่าวมาแล้ว พ.ศ.1295 ตั้งชุมชมพราหมณ์เขาคา อ.สิชล พ.ศ.1310 พระเจ้าวิษณุที่ 2 โอรสวิษณุที่ 1ยกกองเรือมายึดครองนครศรีธรรมราช ก่อนลังกาและไชยาจะเข้ายึดครองตั้งวัดเสมาชัยสร้างวัดคูหาภิมุขยะลา พ.ศ.1318 ทำศิลาจารึกหลักที่ 23 และสร้างพระพุทธรูปประจำพระองค์ในปี
พ.ศ.1318 ปัจุบันพระพทุธรุปองค์นี้อยู่ที่วิหารโพธิลังกา หลังการขุดพบใหม่ๆ เมื่อ พ..2461 ถูกล่ามโซ่ เพราะกลางคืนพระองค์เสด็จออกเที่ยวไปในหมู่บ้าน ในปี พ.ศ.2460 พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 เสด็จสมโภชพระธาตุโปรดเกล้าฯให้ถอดโซ่ออกและถวายความเห็นพระคุณเจ้า ชาวบ้านจึงไม่มีโอกาสเห็นพระพุทธรูปในร่างมนุษย์ออกมาเพ่นพ่านอีกเลย (บริเวณด้านหลังองค์พระมีรอยของมีคมบาด-ชาลี) พ.ศ.1319 สร้างวัดถ้ำทองพรรณรา อ.พรรณรา พ.ศ.1320 สร้างเจดีย์ศรีวิชัยที่วัดเขาหลัก อ.ทุ่งใหญ่ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราช (ต้นราชสกุลยุคล) เสด็จไปนมัสการเมื่อปี พ.ศ.2459 แล้วทำศิลาจารึกไว้ที่วัดพระธาตุในปีเดียวกัน พ.ศ.1325 สร้างเจดีย์ทรงศรีวิชัย ครอบพระธาตุองค์เดิมไว้ เจดีย์ทรงศรีวิชัยองค์นี้จึงนับเป็นพระธาตุเจดีย์องค์ที่ 3 เจดีย์ทรงศรีวิชัยในวัดพระธาตุจะมีทั้งมด 5 องค์หลังจากการชำรุดทรุดโทรมเพราะกาลเวลาจากการปฏิสังขรณ์ ปัจจุบันก็เหลือองค์หนึ่งหน้าประตูทางเข้า พ.ศ.1344 สร้างพระธาตุศรีศากยะมุนีศรีธรรมราช องค์พระประธานในพระวิหารหลวง ซึ่งกรมศิลปากรยกย่องว่าเป็นพระพุทธรูป-พระพุทธราชาที่มีลักษณะงดงามมากที่สุดในปักษ์ใต้เป็นที่น่าสงสัยว่าชื่อนี้น่าจะเป็นชื่อใหม่ ส่วนชื่อเก่าเมื่อ พ.ศ.1344 คงไม่ใช่ชื่อนี้เพราะดูจากลักษณะบ่งบอกว่า ผู้สร้างต้องการให้เป็นทั้ง "พุทธราชา"และ "เทวราชา"ในองค์เดียวกัน พระพุทธรูปองค์นี้จึงน่าจะชื่อว่า "พระศรีวิชเยนทรมุนีศรีธรรมาโศกราช" 1 ปีต่อมาคือ พ.ศง1345ก็สร้างวิหารหลวงทรงเรือสำเภาตามปรัชญาความเชื่อของพุทธนิพพานและพระโพธิสัตว์ ผู้ช่วยสัตว์โลกให้พ้นทุกข์ก่อนพระองค์เอง และบูรณะปฏิสังขรณ์ต่อมาหลายครั้ง พ.ศ.1444 นครศรีธรรมราช เป็น The call center of Sri Wichai คือเป็นศูนย์กลางของศรีวิชัยที่ไชยา และศรีวิชัยที่ชวา โดยนครศรีธรรมราชขณะนั้นจะมีเมืองออกเมืองขึ้นเป็นเมืองสำคัญทางการค้าถึง 15 เมือง และในสมัยนี้ก็น่าจะสร้างปราสาทอิฐ 3 หลัง ตามคติความเชื่อของลัทธิพุทธมหายาน 1 ใน 3 นั้น ผู้เขียนเชื่อว่าน่าจะเป็น "องค์อิฐ" ที่หน้าโรงเรียนวัดท้าวโคตรในปัจจุบัน องค์อื่นน่าจะถูกรื้อลงมาทำถนนราชดำเนินในสมัยรัชกาลที่ 5 เหมือนกำแพงเมือง เพราะขณะนั้นไม่มีอิฐทำถนน และอย่าให้โจรผู้ร้ายเข้าไปส้องสุม กำลังในเมือง หรือมีนัยยะอย่างอื่นอีก
ยุคแห่งอาณาจักรตามพรลิงค์
ไม่ว่าคำนี้จะมีความเป้นมาพื้นฐานอย่างไร แต่พอมาถึงช่วงนี้ทุกฝ่ายกลับเชื่อว่าตามพรลิงค์แปลว่า ลึงค์ทองแดง หรืออวัยวะเพศชายของพระศิวะทำด้วยทองแดง ซึ่งเป็นปรัชญาความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ลัทธิไศวะนิกาย แต่จนปัจจุบันนี้ก็ยังไม่พบลึงค์ทำด้วยทองแดง แม้แต่ศิวลึงค์ที่ถนนมังคุดหอนาฬิกา ข้างวัดสวนป่านซึ่งดูจะเป็นหลักเมืองนครหรือเป็นลึงค์พระศิวะประจำรัชกาลพระเจ้าวิษณุที่ 2 ที่ข้ายึดครองเมืองนครเมื่อ พ.ศ.1310 หากเหตุผลนี้เป็นจริงศิวลึงค์นี้น่าจะชื่อว่า "ศรีวิชเยศวร" หรือ "ตามพรลิงเคศวร"แต่พระเจ้าอู่ ที่เสด็จากจากจีนผ่านปัตตานี นครศรีธรรมราชแล้วแวะเพชรบุรีกลับบบอกว่า "พระองค์ได้ขุดพบเทวรูปเคารพขนาดใหญ่ทำด้วยทองแดงที่เพชรบุรีจึงรู้ว่าราษฎรบริเวณนั้นนับถืออะไรกัน" ประเด็นนี้น่าคิด หรือลึงค์ทำด้วยทองแดงไปตกอยู่ที่นั่น ทำไม ใครพาไป และไม่ได้บอกว่าพบแล้วหายไปไหนจนพระองค์เสด็จกลับไปกรุงอโยธยา เรื่องนี้ต้องตามไปดูอย่ากะพริบตา เช่นกัน คอยติดตามตอนต่อไป นักประวัติศาสตร์กรุงเทพฯ เชื่อกันว่ายุคตามพรลิงค์เริ่มเมื่อ พ..1573-1873
ความยิ่งใหญ่ของศรีวิชัย- นครศรีธรรมราช
พ.ศ.1514 พระเจ้าสุชิตราช จากนครศรีธรรมราชยกกองทัพพล 17 หมื่นไปตีละโว้ (ลพบุรี - แม่เป็นเจ้าหญิงละโว้ -ชาลี) ในขณะที่กษัตริย์ละโว้ออกไปทำศึกนอกเมืองกับกษัตริย์ลำพูรซึ่งทั้งกษัตริย์ลำพูนและละโว้ต่างก็เกี่ยวดองเป็นเครือญาติกับพระนางจามเทวีพระแม่เจ้าอยู่หัวแห่งหริภุญไชยลำพูนเมื่อ พ.ศ.1223 และพระนางจามเทวีกผเป็นเจ้าหญิงจากศรีวิชัยที่ไชยาพระเจ้าสุชิตราชให้โอรสองค์ใหญ่ไปปกครอง "เมืองราม" แล้วเจริญเติบโตเป็นแคว้นอโยธยา ให้โอรสองค์ที่ 2 ไปครองแคว้นศรีจนาศะ(พิมาย) ในนนามพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ส่วนพระเจ้าสุชิตราชเองครองละโว้ในนาม "พระยาปานะโกศลกัมโพชราช" จากเหตุการณ์นี้แสดงว่า
พระองค์เป็นกษัตริย์องค์รองของนครศรีธรรมราชไม่ใช่กษัตริย์องค์เอกเพราะไปแล้วไปเลยไปตั้งครอบครัวเอาดาบหน้า
พระองค์มีเครือญาติที่มีอิทธิพลไม่น้อยแถวอาณาจักรศรีจนาศะ และอาณาจักละโว้ รวมทั้งอาณาจักรอโยธยา การเข้าไปครองภาคกลางตามรอยศรีวิชัย-ไชยาจึงไม่ใช่เรื่องยาก
พระองค์มีเชื้อสายกษัตริย์ขอมทางฝ่ายมารดา ฉะนั้นพระบิดาต้องเป็นกษัตริย์องค์เอกของนครศรีธรรมราชขณะนั้น - ใคร ซึ่งคงจะทรงกฤษดานุภาพไม่น้อยทั้งด้านการเมืองการปกครองจนสามารถส่งกองทัพ 17 หมื่นให้พระจ้าสุชิตราชไปตีละโว้ได้ทางทะเล
พ.ศ.1535 สร้างวัดเสมาเมืองลงข้างวัดเสมาชัยที่มีอายุห่างกัน 225 ปี และในปีเดียวกันนี้กษัตริย์เมืองนครก็ได้สร้างวัดเสมาทอง (วัดมเหยงคณ์) ให้เป้นวัดรองของวัดเสมาเมือง พ.ศ.1560 ท้าวโคตรคิรีเศรษฐีมอญและน้องชายอพยพทางเรือเข้าเมืองนครมาตั้งรกรากและมีสัมพันธ์กับกษัตริย์เมืองนครทำให้คำว่า "ศิริธัมมนคร" ของเมืองสะเทิมมาเป็นฉายาของนครศรีธรรมราชด้วย ดังนั้นคำว่า "ศรีธัมมราช"ในศิลาจารึกหลักที่ 1 ของพ่อขุนรามคำแหงอาจจะเป็นสะเทิมในพม่าก็ได้เพราะ "จรดฝั่งสมุทรเป็นที่แล้ว"เหมือนกัน ข้อนี้น่าคิดสองสามตลบ วัฒนธรรมศาสนาแบบมอญจึงปรากฎขึ้นในเมืองนครศรีธรรมราช นักประวัติศาสตร์กรุงเทพฯจึงเข้าใจว่า อาณาจักรทวาราวดีของมอญได้เผยแผ่เข้ามาปักษ์ใต้ ที่จริงเป็นการไหลเททางวัฒนธรรมในระดับปกติของทวาราวดีที่ติดตัวมากับมอญเท่านั้น พ.ศ.1564 มอญสร้างวัดเสมาเงิน และเจดีย์ยักษ์ (วัดพระเงินข้างเทศบาลนคร) พ.ศ.1568 พระเจ้าราเชนทร์โจฬะที่ 1 อินเดียใต้ยกกองทัพมาตีศรีวิชัย นครศรีธรรมราช ครอบครองได้ไม่นานก็ถอยกลับไปเพราะศรีวิชัยไชยา และศรีวิชัยศรีธรรมราชกำลังรวบรวมกองทัพเรือนอกอาณาจักรเข้ามาตีกลับ
พ.ศ.1580 กรมการเมืองนครถวายเจ้าหญิงจันทวดี พระธิดาอดีตกษัตริย์ที่สิ้นพระชนม์ไปเป็นมเหสีของพระเจ้าอู่ทองแห่งแคว้นอโยธยามีพระโอรสองค์หนึ่งไปครองเมืองธานยปุระ (เมืองอู่ข้าว) หรือนครสวรรค์สืบเชื้อสาย "ศรีธรรมาโศก"ฝ่ายแม่ ส่วนน้องชายเจ้าชายสุวรรณคูตา พระเจ้าอู่ทองสนับสนุนให้เป็นกษัตริย์เมืองนครในนามพระเจ้าสุวรรณคูตาศรีธรรมาโศกราชในปีเดียวกันนี้"ศุกโขไฑ" ก็มีกษัตริย์ที่เข้มแข็ง มีอำนาจขึ้น พระเจ้าสุวรรณคูตาทรงบูรณะวัดเสมาทอง (มเหยงคณ์) ให้เป็นวัดมีเสนาสนะเพียบพร้อมเพื่อเป็นวัดรองจากวัดท่าช้างที่เป็นวัดสมเด็จสังฆราช "เจ้าโพธิกุมาร" หลานตาของพระเจ้าสุวรรณคูตา วัดท่าช้างนี้จึงน่าจะเป็นวัดท่าช้างที่บ้านมะม่วงสองต้น ไม่ใช่วัดท่าช้างที่ตลาดแขกที่กรมศิลปากรยกที่ดินให้แขกไทรบุรีสร้างมัสยิดซอลาฮุดดินทับไว้ และในปี พ.ศ.1580 นี้สุโขทัยก็มีผู้ปกครองที่เข้มแข็งกำลังสร้างแว่นแคว้นของตนเองตามการจดบันทึกของพงศาวดารเหนือ พ.ศ.1610 นครศรีธรรมราชเป็นศูนย์รวมของศรีวิชัยทั้ง 3 ทั้งไชยา และชวาผู้สำเร็จราชการเมืองนครไปสร้างห้องเก็บพระบรมราชโองการให้พระเจ้ากรุงจีน สร้างหอสมุดหลวง สร้างโบสถ์ใหญ่ที่กวางตุ้ง ซื้อที่นา 400,000 ตำลึง ถวายวัดนี้ พระเจ้ากรุงจีนพใจมากตั้งให้เป็นจอมพลผู้ปกป้องความเชื่อและการก่อสร้าง โปรดให้เข้าเฝ้าได้ทุกเวลาโดยไม่ต้องมีขุนนางเบิกตัวเข้าเฝ้า เป็นที่น่าสงสัยว่าในขณะนั้นนครศรีธรรมราชว่างกษัตริย์หรือถึงมีผู้สำเร็จราชการหรือมีกษัตริย์ผู้เยาว์ผู้สำเร็จราชการต้องการเป็นกษัตริย์ จึงไปทำพอได้กับจีนขอการรับรองจากจีน? พ.ศ.1623 ศุกโขไฑ"เริ่มมีบทบาทอำนาจทางการเมืองการปกครองในกลุ่มภาคเหนือ โดยมีขอมเข้ามา "แจม"ด้วยและพงศาวดารเขมรยืนยันว่าสุโขทัยตั้งเมืองในปีนี้ พ.ศ.1645 พระภัทรสถวีระภิกขุแห่งไชยา แต่งตำนานศรีวิชัยโบราณบอกถึงความเกี่ยวเนื่องในเชิงลึกของไชยา-นครศรีธรรมราช-ชวา และลังกา เพราะ 4 เมืองนี้คือขั้วอำนาจของอาณาจักรศรีวิชัยตัวจริงตลอดมา
พ.ศ.1710 ศรีวชัยที่ไชยาได้ไปทำการสังคายนาศาสนาพทุธให้บริสุทธิ์ที่ลังกาแล้วช่วยกันเผยแผ่ไปสู่ไชยา - นครศรีธรรมราช ชวา ละโว้ ศรีสุวรรณะ(นครปฐม) อโยธยา หริภุญไชย และธานนยปุระ(นครสวรรค์) พ.ศ.1722 ท้าวพิไชยเทพเชียงแสน พระบิดาท้าวอู่ทอง (องค์หนึ่ง) แห่งอโยธยา (ศรีรามเทพนคร) ได้อาสายกกองมาปราบศรีวิชัยนครศรีธรรมราชที่บังอาจปลูกต้นมหาโพธิ์แสดงความเป็น "โพธิราชา"เพื่อดึงเมืองออกเมืองขึ้นเข้ามาสู่ร่มโพธิสมภารพร้อมกับริเริ่มการก่อสร้างเจดีย์ขนาดใหญ่อันเป็นสัญลักษณ์ของการประกาศอิสรภาพแสดงว่า แคว้นอโยธยากำลังเจริญรุ่งเรืองเป็นผู้นำทางด้านการเมืองการปกครอง และไม่อยากให้นครศรีธรรมราชขึ้นมาตีเสมอแม้ว่าจะโด่งดังในนามศูนย์กลางของศรีวิชัยมาก่อนนี้ไม่นาน และเป็นเพราะกำลังเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ด้วยกษัตริย์องค์ก่อนเพิ่งสวรรคตก็ตาม พ.ศ.1723 นางพญาเลือดขาว พระแม่เจ้าอยู่หัวและพระยากุมารแห่งอาณาจักรสะทิงพระ เสด็จมาเยี่ยมนครศรีธรรมราช "สะทิงพระ" เป็น 1 ใน 10 นครของศรีวิชัยจากหลักฐานของนักประวัติศาสตร์กรุงเทพฯ จากการสัมนาประวัติศาสตร์นครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช (ขณะเป็นวิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช) ยืนยันว่านางพญาเลือดขาวเสด็จนครศรีธรรมราช ครั้งแรกในปีพ.ศ. 1723 แต่ผู้ว่าราชการเมืองพัทลุงในขณะนั้น(สมัย ร.5) พิณ จันทโรจน์วงศ์ ผู้เขียนประวัตินางพญาเลือดขาวบอกว่า พระนางครองราชย์ที่เมืองสะทิงพระประมาณ พ.ศ.1482 บางตำนานบอกว่า ปี พ.ศ. 1482 พระนางเพิ่ง ไปเรียนวิชาการจากสำนักเขาอ้อ(ควนขนุน) พัทลุงพร้อมกับเจ้ากุมาร ซึ่งสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ขณะนั้นไม่เชื่อบอกว่า "แก่ไป"ยิ่งกว่านั้นจากการสัมนาเชื่อว่านางพญาเลือดขาวเสด็จสุโขทัย พร้อมพระร่วงอรุณโรจนราชในปี พ.ศ.1799 ที่พระร่วงเสด็จมานครศรีธรรมราช จากปี พ..1482 ถึง พ.ศ.1799 เป็นเวลา 317 ปี ไม่น่าที่พระนางจะมีพระชนมายุมากขนาดนั้น ในความเป็นไปได้จึงน่าจะมี "นางพญาเลือดขาว 2 องค์" ต่างยุคต่างสมัยกัน แต่เป็นเชื้อสายเดียวกัน และความคิดความอ่านเหมือนกันและต่างก็เป็นพระแม่เจ้าอยู่หัวของอาณาจักรสะทิงพระ นางพญาเลือดขาวองค์ที่ 2 ดูน่าจะเป็นเหลนองค์ที่ 1 มากกว่าจะเป็นหลานหรือลูกวิธีการหาก็ไม่ยากโดยไป "แกะ"ชื่อกษัตริย์ ของอาณาจักรนี้ดูเหตุการณ์แต่ละช่วงจะคลายตัวออกมาเอง จากการที่พระนางไปเรียนไสยเวทชั้นสูงจากพราหมณ์ และศาสนาพุทธลัทธิมหายาน จากสำนักเขาอ้อ จึงเป็นและหนุนส่งให้พระนางเป็น "อรหันต์ฆราวาส" ได้โดยไม่ยากนัก สาเหตุที่พระนางเกี่ยวกับเมืองนคร เพราะเมืองสะทิงพระเป็น1 ใน 10 ของเมืองขึ้นของศรีวิชัยเหมือนกับสิงหนคร สงขลา เมืองกระ ตะกั่วป่า ปกาไสย และกันตัง เป็นต้น เรื่องนี้ต้องวิเคราะห์วิจัยในเชิงลึกอีกที
อิทธพลของขอม อิทธิพลของมอญ-ทวารวดี ด้านวัฒนธรรมในนครศรีธรรมราชยังไม่ทันจางหาย พระเจ้าไชยวรมันที่ 7 (1742-1762 )แห่งอาณาจักรขอมรู้สึกหวั่นไหวต่ออำนาจของแคว้นอโยธยาของพระเจ้าอู่ทองในลุ่มน้ำเจ้าพระยาภาคกลางที่เข้ามาข่มขู่เอากับอาณาจักรรีวิชัยที่เคยเจริญรุ่งเรืองมาก่อนและเกี่ยวพันเป็นพระญาติกับพระองค์และด้วยการเห็นด้วยของพ่อขุนผาเมืองราชบุตรเขย จึงตัดสินพระทัยส่ง กมรเต็งอัญศรีชคตไตรโลกยราช เจ้าเมืองละโว้ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อสายของพระเจ้าสุชิตราชจากเมืองนครมาปกครองศรีวิชัยที่ไชยาในพระนามใหม่ว่า "พระเจ้าไตรโลกยราช" ซึ่งชื่อนี้จะเป็นต้นแบบชื่อของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยา ต่อมาพระเจ้าเจ้าไตรโลกยราชมาปกครองศรีวิชัยในปี พ.ศ. 1740 และดึงศรีวชัยนครศรีธรรมราชและศรีวิชัยชวาเข้ามาเป้นบริวารรวมทั้งเมืองบริวารทั้ง 12 เมือง ทำให้ไชยาเป็นศูนย์กลางของศรีวิชัยอีกครั้งหนึ่ง พ.ศ.1758 เจ้าชายมาฆะโอรสพระเจ้าไตรโลกยราชได้ไปช่วยกษัตริย์ลังกาทำสงครามจนชนะได้รับบำเหน็จให้เป็นกษัตริย์ครองเมืองโปโลนนรุวะทำให้ศิลปการก่อสร้างทางพระพุทธศาสนาแบบไชยา-ลังกา-นครศรีธรรมราช-สุโขทัย-อยุธยา เป็นรูปแบบเดียวกันและสืบทอดตกถึงกันในเวลาต่อมารวมทั้งเมืองบริวารทังหลายของเมืองเหล่านี้ พ.ศ.1760 พระเจ้าไตรโลกยราชส่งเจ้าชายจันทรภาณุที่ 1 โอรสเจ้าชายมาฆะมาปกครองศรีวิชัย-นครศรีธรรมราช ขึ้นกับไชยา พ.ศ.1768 เฉาจูกัว นักจดหมายเหตุจีน จดบันทึกททวนเมืองเอก 15 หัวเมือง ของศรีวิชัยเสียใหม่เพื่อการติดต่อทางการค้า ซึ่ง 15 เมืองมีชื่อเป็นภาษาจีนดังนี้
ปอง-ฟง
ตอง-ยา-นอง
หวั่ง-ยะ-สิ-เกี๋ย (ยะรัง ปัตตานี)
กิลันตัน(กลันตัน)
โฟ-โล-อัน(พัทลุง)
จิ-โล-ทิง
เสียนไหม(กระบี่)
พะ-ท่า
ตัน-มา-ลิง(นครศรีธรรมราช)
เกีย -โล -หิ (ครหิที่ 1 เมืองกระ ครหิที่ 2 ไชยา)
ปา-ติง-ฟอง
ชินโต(สุมาตราใต้)
เคียน-ปี่
ลัง-วู-ลิ (สุมาตราเหนือ)
ซิ-หลาน(ลังกา อังกฤษจึงเรียก Ceylon)
พ.ศ.1769 โจฬะเขมรที่เป็นเชื้อสายของโจฬะราเชนทร์ที่1 แห่งอินเดียใต้ เข้ายึดครองกรุงละโว้ พระเจ้าไตรโลกยราช โปรดให้ส่งเจ้าชายพระยาร่วง โอรสมเหสีรอง(แม่เป็นละโว้) ไปปราบโจฬะเขมรที่ละโว้แล้วปกครองละโว้ต่อมา พระยาร่วงองค์นี้น่าจะเป็นพระร่วงส่วยน้ำที่สั่งให้น้ำอยู่ในชะลอมส่งไปขอมแสดงว่าว่าทั้งนครศรีธรรมราชและละโว้ต่างก็สงส่วยน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปให้กษัตริย์ขอมอาบทุกปี แสดงว่า(อีกครั้ง) กษัตริย์ขอมเป็นเชื้อสายศรีวิชัยแน่นอนมาตั้งแต่โกณทัญญะแห่งฟูนันจากอาณาจักรพนม พระเจ้าไชยวรมันที่7 จาก .......? หรือสืบเชื้อสายจากพระเจ้าสุรยวรมันที่ 1 แห่งพิมาย ประเด็นนี้น่าสนใจเพราะพระองค์ทำถนนย้อนกลับเข้ามาสู่เมืองขึ้นขอมมากมายในอีสานและภาคกลาง เช่น บุรีรัมย์ พิมาย ลพบุรี ฯลฯ เมื่อกษัตริย์ขอมสมัยหลังพระเจ้าไชยวรมันที่ 7 ส่ง"ขอมดำดิน"มา "เก็บ"พระยาร่วง ๆ จึงเสด็จหนีไปบวชที่กรุงสุโขทัย เพราะสุโขทัย(แคว้นพาลี้) เคยอยู่อาณัติของศรีวิชัย ที่ไชยาและละโว้มาก่อน พ.ศ.1770 พระเจ้าไตรโลกยราชที่ศรีวิชัย - ไชยา สวรรคตพระเจ้าจันทรภาณุจากนครศรีธรรมราชกลับไปครองไชยา แล้วให้น้องชาย "พงษาสุระ" มาปกครองนครศรีธรรมราชในพระนาม พระเจ้าจันทรภาณุที่ 2 พ.ศ.1773 พระเจ้าจันทรภาณุที่ 2 นครศรีธรรมราชประกาศอิสรภาพไม่ขึ้นกับศรีวิชัย-ไชยา และไม่ขึ้นกับขอมเพราะพระเจ้าไชยวรมันที่ 7 ผู้อยู่เบื้องหลังกษัตริย์ไชยาได้สวรรคตแล้วและไม่ต้องส่งส่วยน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 7 บ่อในเมืองนครไปให้ขอมอีกดังจารึกหลักที่ 24 วัดเสมาเมืองที่จารึกไว้ในปีนี้ทำให้อำนาจขอมหมดไปจากอาณาจักรศรีวิชัยไปด้วยในตัว ตั้งแต่ปีนี้ตามพรลิงค์ นครศรีธรรมราชมีเมือง 12 นักษัตรเข้ามาเป็นเมืองบริวาร พ.ศ.1790 พระเจ้าจันทรภาณุ ผู้ประกาศอิสรภาพ ได้ก่อสร้างพระธาตุเจดีย์ทรงลังกาครอบทรงศรีวิชัยไว้ภายในนับว่าเป็นการสร้างพระธาตุเจดีย์ครั้งใหญ่สุดเป็นครั้งที่ 4 จอมทัพเรือผู้เกรียงไกร ในปี พ.ศ.1739 พระเจ้ามาฆะพระบิดาของพระเจ้าจันทรภาณุแห่งไชยาและพระเจ้าจันทรภาณุนครศรีธรรมราชทรงชราภาพมากแล้วถูกข้าศึกมาย่ำยี จึงตกลงกันว่าให้นครศรีธรรมราชยกกองทัพเรือไปช่วยโดยการสนับสนุนของศรีวิชัยไชยาในครั้งนี้กษัตริย์ลังกาสัญญาจะให้พระพทุธสิงหิงค์ พระพุทธรูปโบราณแก่พระเจ้าจันทรภาณุและในการศึกครั้งนี้น่าที่จะพระยาร่วงจะเสด็จออกทางเมืองสะเทิมยกกองทัพเรือไปร่วมรบ เพราะทรงรู้จักลักษณะนิสัยของโจฬะในอินเดียเป็นอย่างดีการขอพระพุทธสิหิงค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ไปไว้สุโขทัยไปเป็นเครื่องมือในการตั้งอาณาจักรเพื่อความเป็น "พุทธราชา" ก็น่าจะเกิดขึ้นในเวลานี้ แต่นครศรีธรรมราชคงต้องการเอามาเฉลิมฉลองคู่กับพระธาตุเจดีย์ก่อนและไม่ใช่สุโขทัย "สั่ง"นครศรีธรรมราชดังที่นักประวัติศาสตร์ภาคกลางเข้าใจ พ.ศ.1798 พระเจ้ามาฆะทรงชราภาพมากแล้วเลยเสด็จกลับศรีวิชัย-ไชยา และได้อุปสมบทจนสวรรคตที่ไชยา ส่วนพระพุทธสิงหิงค์ นางพญาเลือดขาวนำมาไว้ที่นครศรีธรรมราช และในปีนี้พระเจ้าจันทรภาณุก็โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าสามจอมจากกัมพูชา(ขอม) นางพญาจัณฑี (จันดี) จากเมืองขวาง เมืองสระ (อาณาจักรเวียงสระ) และนางพญาเลือดขาว จากอาณาจักรสะทิงพระที่อาณาจักรของตนล่มไปช่วยกนสร้างวัดควนสูงที่อำเภอฉวางโดยฝังทองคำแท่ง 150 สำเภา เรือไว้ที่นั่น เจ้าสามจอมได้สร้างวิหารสามจอมไว้บูชาพระธาตุต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวิหารศรีธรรมาโศกราช นางพญาจัณฑีได้สร้างพระยายแอดหรือสร้างพระกัจจายานะ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่แม่นา
Relate topics
- ลุ่มน้ำตรังลุ่มน้ำตรังเป็นลุ่มน้ำย่อยที่มีความสำคัญลุ่มน้ำย่อยในลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก อยู่ในเขตจังหวัดตรัง จัดเป็น 2 ลุ่มน้ำย่อยของลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก จากทั้งหมด 25 ลุ่มน้ำของประเทศไทย มีลำน้ำสำคัญ 2 สาย
- อุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ จ.พังงาอุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อสิงหาคม 2534 มีพื้นที่ประมาณ 125ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมเขตอำเภอ ท้ายเหมือง อำเภอกะปง อำเภอตะกั่ว-ป่า และอำเภอเมือง ประกอบด้วยแหล่งท่องเที่ยวคือ
- สะพานเกาะยอ หรือ สะพานติณสูลานนท์ เป็นสะพานคอนกรีตที่ยาวที่สุดในประเทศไทยสะพานเกาะยอ หรือ สะพานติณสูลานนท์ เป็นสะพานคอนกรีตที่ยาวที่สุดในประเทศไทย อยู่ในอำเภอเมืองสงขลา และอำเภอสิงหนคร โดยเชื่อมเกาะยอ 2 ด้าน ระหว่างฝั่งบ้านน้ำกระจาย อำเภอเมืองสงขลา และบ้านเขาเขียว อำเภอสิง
- พระนอนแหลมพ้อ ถือได้ว่าเป็นวัดที่เก่าแก่สร้างตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2330 หรือประมาณในสมัยรัชกาลที่ 3พระนอนแหลมพ้อ ถือได้ว่าเป็นวัดที่เก่าแก่สร้างตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2330 หรือประมาณในสมัยรัชกาลที่ 3 วัดพระนอนแหลมพ้อถือได้ว่าเป็นวัดที่เก่าแก่สร้างตั้งแต่เมื่อปีพ.ศ. 2330 หรือประมาณในสมัยรัชกาลที่ 3 สถาป
- สถาบันทักษิณคดีศึกษา หมู่ที่ 1 บ้านอ่าวทราย ตำบลเกาะยอ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลาตั้งอยู่หมู่ที่ 1 บ้านอ่าวทราย ตำบลเกาะยอ บริเวณใกล้เชิงสะพานติณสูลานนท์ช่วงที่ 2 สถาบันตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2521 เพื่อศึกษาเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมของภาคใต้ มีพื้นที่ทั้งหมด 23 ไร่ ลักษณะของอาคารเป็นสถาปั
- เขาตังกวน พระธาตุเจดี กว่า 700 ปี คู่เมืองสงขลาเจดีย์พระธาตุเขาตังกวน กว่า 700 ปี คู่เมืองสงขลา สร้างในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช เป็นศิลปะสมัยทวาราวดี เดิมชื่อว่า “เมืองตังอู” เจ้าเมืองตังอูชาวบ้านเรียกว่า “พ่อเมืองตังอู” มีพระราชครู ชื่อว่า “ป
- เรื่องราวในจังหวัดพัทลุงที่มีการขุดพบทองคำ นำสันนิษฐานเชื่อมโยงไปสู่ ทองห่อยอดพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช และทองห่อยอดพระธาตุวัดเขียนบางแก้วพัทลุงจากเรื่องราวในจังหวัดพัทลุงที่มีการขุดพบทองคำ นำสันนิษฐานเชื่อมโยงไปสู่ #ทองห่อยอดพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช และ #ทองห่อยอดพระธาตุวัดเขียนบางแก้วพัทลุง ทำให้หวนนึกถึง #ประวัตินางเลือดขาวผู้สร้างพ
- เกาะพยาม จ.ระนอง ...ดินแดนกาหยูหวานและหาดทรายขาวเกาะพยาม อยู่ฝั่งทะเลอันดามัน จ.ระนอง เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่รองลงมาจากเกาะช้าง (ระนอง) อยู่ห่างเกาะช้างมา ทางใต้ 4 กิโลเมตร ตอนกลางของเกาะพื้นที่เป็นภูเขามีป่าไม้และสัตว์ป่าประเภทนก ลิงและหมูป่า พื้นที
- ประวัติความเป็นมาของ ประเพณีรับเทียมดา ตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลารับเทียมดา หรือ รับเทวดา เป็นประเพณีอย่างหนึ่งของชาวไทยพุทธในเขตชนบทภาคใต้ ที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เป็นประเพณีที่เกิดจากความเชื่ออันสืบเนื่องกันมาในสังคมเกษตรกรรมในสมัยก่อน ชาวบ้านส่วนใหญ่มีความเชื่อว
- เกาะละวะ (เกาะละวะใหญ่) เกาะเล็กๆในอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงาทะเลไทยสวยไม่แพ้ที่ใดใน 3 โลก...และวันนี้จะพาเพื่อนๆไปพิสูจน์กันว่าที่กล่าวมานั้นไม่ได้เวอร์แต่อย่างใด กับการเดินทางท่องไปตามใจฉัน ณ เกาะละวะ หรือ เกาะละวะใหญ่ เกาะเล็กๆในเขตอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา อุ