สะตอฟอร์ยู ::: สนับสนุนให้คนใต้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น!!!

“สีเลนะ สุคะติง ยันติ การรักษาศีลทำให้เกิดความสุข...สีเลนะ โภคะสัมปะทา การรักษาศีลทำให้เกิดโภคทรัพย์...สิเลนะ นิพพุติง ยันติ การรักษาศีล เป็นหนทางให้เข้าสู่นิพพาน”


ในฐานะชาวพุทธ เราต่างเคยได้ยินคำว่า “ศีล” มานับตั้งแต่จำความกันได้ แต่ถ้าถามว่าจะมีสักกี่คนที่รู้ถึงความหมายอย่างแท้จริงของคำคำนี้ ทั้งๆ ที่ “ศีล” ถูกชูประเด็นและยกขึ้นประกอบการอธิบายในเรื่องของพระพุทธศาสนาแก่คนทั่วโลกมานับร้อยนับพันปี โดยเฉพาะกับคนไทยในฐานะพุทธศาสนิกชน

กล่าวกันว่า “ศีล” คืออาภรณ์ที่ประเสริฐ คือเสบียงชั้นเลิศในทางพระพุทธศาสนา

“อยู่มาร้อยกว่าปีไม่มีอะไรดีเลย นอกจากศีล” เป็นคำพูดมากด้วยความหมายที่ “หลวงปู่เจียม อติเมโธ (พระครูมงคลศีล)” มักจะใช้ตอบคำถามเสมอๆ เวลาที่มีญาติโยมเข้ามาขอของดี พร้อมๆ กับการขยายความที่บ่งบอกถึงภูมิปัญญาและความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า

“อย่าได้ประมาทใน ‘ศีล’ ที่เป็นเพียงคำพูดสั้นๆ เพราะในสมัยพระพุทธเจ้าท่านยังทรงพระชนม์อยู่ ไม่ว่าจะเป็นนางวิสาขา มหาอุบาสิกา หรืออนาถบิณฑิกเศรษฐี มหาเศรษฐีคู่บุญพระศาสนา ฯลฯ ล้วนเป็นอุบาสก อุบาสิกา ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ครองเหย้าครองเรือนกันทั้งนั้น แต่พวกท่านก็ได้มีความเพียรปฏิบัติศีล ๕ ได้อย่างครบถ้วนมิได้ขาด จนในที่สุดท่านก็สามารถบรรลุธรรมได้โสดาบันในที่สุด”

หลวงปู่เจียม อติเมโธ เกิดที่บ้านน้ำตก เมื่อปี ๒๔๕๓ เป็นบุตรของนายพรหม-นางซิ่น นาคมุสิก อาชีพเกษตรกรรม ในสมัยนั้นยังไม่มีโรงเรียน ท่านจึงต้องอาศัยเรียนหนังสือกับพระในวัดบรรพตวิสัย (ในเขา) จนสามารถอ่านออกเขียนได้ (เทียบเคียงประมาณ ป.๕) จึงออกมาช่วยบิดามารดาทำเกษตรกรรม และได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุได้ ๑๘ ปี ณ วัดบรรพตวิสัย (ในเขา) พร้อมกับอยู่ปรนนิบัติดูแลและเรียนวิชากับ “หลวงพ่อพัน” เป็นเวลาหลายปี

หลวงพ่อพันเป็นพระเกจิอาจารย์ร่วมยุคสมัยเดียวกับหลวงพ่อจอน วัดดอนรวบ หลวงพ่อทอง วัดดอนสะท้อน ฯลฯ ท่านได้รับการยกย่องจากผู้คนทั่วไปว่าเป็นพระวิปัสสนากรรมฐานที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีอาคมกล้าแข็ง ก่อนที่ท่านจะมาสร้างวัดบรรพตวิสัย (ในเขา) ท่านได้เดินธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรข้ามเข้าไปยังประเทศพม่า และเดินทางกลับมาปักกลดปฏิบัติธรรมอยู่หน้าถ้ำเขาลิ้นต่าง

เมื่อชาวบ้านทราบข่าวว่า ท่านมาปักกลดจึงพากันมาช่วยสร้างกุฏิและถวายที่ดินเพื่อให้ท่านสร้างวัด ซึ่งก็คือ “วัดบรรพตวิสัย (ในเขา)” ในทุกวันนี้

หลวงปู่เจียม อุปสมบท เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๐๑ ณ วัดวาลุการาม (วัดแหลมทราย) อ.หลังสวน จ.ชุมพร โดยมีพระครูวิเชียรธรรมประยุต เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากนั้นได้จำพรรษา ณ วัดบรรพตวิสัย (วัดในเขา)

ท่านเคยเล่าถึงเหตุผลของการบวชให้บรรดาพุทธศาสนิกชนทั่วไปทราบว่า...การบวชทำให้ท่านได้เรียนรู้ถึงเป้าหมายของการมีชีวิตอยู่อย่างถูกต้อง คือการประพฤติปฏิบัติภายใต้กรอบแห่งพระวินัย และความเคร่งครัดในวิถีความเป็นสงฆ์ ภายใต้การปฏิบัติที่หนักหน่วง การวิเคราะห์ การเปรียบเทียบและการทำความเข้าใจ ทำให้ท่านสามารถลงลึกในคุณธรรมด้านต่างๆ ได้อย่างชัดเจน

ท่านกล่าวว่า...ธรรมชาติของป่าเขาช่วยขัดเกลาให้ธรรมะและสมาธิของท่านคมลึกและประณีตมากขึ้น

ในบทบาทของพระเกจิอาจารย์ ทายาทวิทยาคมองค์สุดท้ายของหลวงปู่เจียม ท่านได้สร้างวัตถุมงคลจำพวกตะกรุด ผ้ายันต์ ลูกอม ขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อมอบให้แก่บรรดาลูกหลานชาวหลังสวนที่ต้องออกไปเป็นทหารปฏิบัติหน้าที่รับใช้ชาติ ต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์ บางคนโดนยิงแต่ไม่เข้า บางคนโดนล้อมจับแต่ข้าศึกมองหาตัวไม่พบ ฯลฯ ซึ่งประสบการณ์ต่างๆ เหล่านี้ทำให้ท่านเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังปรากฏออกมาสู่โลกภายนอก

แต่ท่านก็ยังเป็น “หลวงปู่เจียม” รูปเดิม ที่ยังคงดำเนินวิถีความเป็นสงฆ์อย่างสมถะ พร้อมๆ กับเร่งชักชวนให้ชาวบ้านมุ่งทำแต่ความดี ละเว้นความชั่ว หมั่นสวดมนต์ นั่งสมาธิ ด้วยเหตุผลว่า “ศีล สมาธิ และปัญญา เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีความประเสริฐมากขึ้น”

ปัจจุบันหลวงปู่เจียม อติเมโธ ได้ละสังขารด้วยอาการสงบเมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๑.๑๕ น. สิริอายุ ๑๐๕ ปี พรรษา ๕๙ ทางวัดคีรีวงก์ (น้ำตก) ได้กำหนดจัดงานทำบุญบำเพ็ญกุศลสตมวาร แด่หลวงปู่เจียม ในวันอาทิตย์ที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

ในการนี้วัดได้นำวัตถุมงคลที่หลวงปู่เจียมจัดสร้างและอธิษฐานจิตไว้ก่อนมรณภาพ เช่น เหรียญรุ่นแรก รูปหล่อรุ่นแรก รูปหล่อเทโบราณเบ้าดินไทยรุ่นแรก ฯลฯ ออกให้ผู้มีใจเป็นกุศลได้บูชาเพื่อนำปัจจัยไปสมทบทุนก่อสร้างมณฑปหลวงปู่เจียม ต่อไป สาธุชนผู้สนใจร่วมการกุศล ติดต่อได้ที่วัดคีรีวงก์ (น้ำตก) ต.บางมะพร้าว อ.หลังสวน จ.ชุมพร โทร.๐๘-๙๙๗๐-๒๐๐๙, ๐๘-๔๘๔๐-๓๑๙๒


ที่มา / ต้นฉบับข่าว @ คมชัดลึกออนไลน์