สะตอฟอร์ยู ::: สนับสนุนให้คนใต้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น!!!

คณะเภสัช ม.อ. จัดประชุมสัมมนาวิชาการหารือแนวทางการบริหารจัดการยาจากสมุนไพรอย่างครบวงจรในเขต 14 จังหวัดภาคใต้ เพื่อกำหนดแนวทางส่งเสริมการใช้ยาจากสมุนไพรอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เน้นควบคุมการผลิตตั้งแต่ขั้นตอนเพาะปลูก แปรรูป จนถึงการกระจายยาไปสู่ผู้ใช้

คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดงานประชุมวิชาการแนวทางการบริหารจัดการยาจากสมุนไพรอย่างครบวงจรในเขต 14 จังหวัดภาคใต้ พร้อมทั้งจัดอบรมการผลิตยาแผนโบราณภายใต้หลักเกณฑ์และวิธีการที่ได้มาตรฐานที่ดี หรือ GMP เพื่อกำหนดแนวทางส่งเสริมการใช้ยาจากสมุนไพรอย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำคือขั้นตอนการเพาะปลูก กลางน้ำคือกระบวนการผลิตและแปรรูป และปลายน้ำคือการกระจายยาจากสมุนไพรสู่ผู้บริโภค โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงาน บุคลากร และเภสัชกรที่เกี่ยวข้องกับยาสมุนไพร จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 29 พ.ค. 2557 ที่ห้องประชุม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่
นายแพทย์ณัฐวุฒิ ประเสริฐศิริพงศ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เป้าหมายหลักของกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก คือ การพัฒนาระบบจัดการบริหารที่มีประสิทธิภาพ พัฒนาระบบการให้บริการของการแพทย์แผนไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล นำไปสู่การใช้แพทย์แผนไทยเป็นแนวทางหลักในการรักษาโรค

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายส่งเสริมให้ใช้ยาจากสมุนไพรควบคู่กับยาแผนปัจจุบัน ซึ่งมียาจากสมุนไพรหลายรายการบรรจุลงในบัญชียาหลักแห่งชาติ โดยจะเพิ่มยาสมุนไพรที่สถานพยาบาลผลิตและใช้ในโรงพยาบาล เพื่อลดการนำเข้ายาแผนปัจจุบันจากต่างประเทศ และจะเพิ่มมูลค่าการใช้ยาจากสมุนไพรให้ได้ร้อยละ 25 ภายในเวลา 5 ปี
สำหรับความจำเป็นที่ต้องส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพรให้แพร่หลาย เภสัชกรสมนึก สุรชัยธนาวนิช หัวหน้าศูนย์พัฒนายาไทยและสมุนไพร กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัจจุบันกระทรวงอนามัยโลกได้สนับสนุนให้แต่ละประเทศใช้ยารักษาโรคที่มาจากสมุนไพรในท้องถิ่น เนื่องจากโรคบางโรคนั้น ยาแผนปัจจุบันไม่สามารถรักษาอาการได้ทั้งหมด
“ยาสมุนไพร หรือยาแผนไทย เป็นภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษใช้มาตั้งแต่อดีต ย้อนไปสัก 150 ปีเราก็ใช้ยาแผนไทย เราเพิ่งมาเปลี่ยนใช้ยาแผนปัจจุบันเมื่อ 100 กว่าปีนี่เอง ทำไมเราต้องกลับไปใช้ยาแผนไทยเหมือนในอดีต ต้องยอมรับว่าองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ประกาศว่า คุณต้องกลับไปดูภูมิปัญญาของชาติ เพื่อการพึ่งตนเอง เพราะการเสื่อมโทรมของร่างกายจากโรคบางโรคนั้นยาแผนปัจจุบันเอาไม่อยู่ เช่น โรคเบาหวาน ความดัน อัมพฤต อัมพาต โรคข้อ โรคมะเร็ง ต้องกลับไปดูภูมิปัญญาของชาติ เพื่อการพึ่งตนเอง อย่างน้อยก็สามารถทำให้การเสื่อมของอวัยวะยืดยาวขึ้น

เรามียาในบัญชียาหลักแห่งชาติที่ประกอบจากยาสมุนไพร 74 รายการ ซึ่งครอบคลุมเกือบทุกโรค เพียงแต่ต้องทำให้ผู้ใช้เข้าใจวิธีใช้ให้สอดคล้องกันทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทย การใช้ยาจากสมุนไพรก็จะมีหมอแผนไทยใช้ ส่วนหมอแผนปัจจุบันต้องให้เขารู้เรื่องยา เรื่องโรค ที่สอดคล้องกับการรักษาแผนปัจจุบัน ต้องทำให้มันเป็นคู่ขนานจึงจะประสบความสำเร็จในอนาคต”

สำหรับแผนการส่งเสริมและบริหารจัดการยาจากสมุนไพรอย่างครบวงจรนั้น จะเริ่มต้นควบคุมดูแลการผลิตให้ได้มาตรฐานตั้งแต่การเพาะปลูก และส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกอย่างแพร่หลายมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันสมุนไพรบางชนิดอยู่ในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก ทำให้วัตถุดิบที่จะป้อนสู่กระบวนการผลิตมีน้อย จากนั้นจะควบคุมขั้นตอนการผลิตและแปรรูปยาให้ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ทั้งจากสถานพยาบาล และโรงงานผลิตยา และขั้นตอนสุดท้ายคือการส่งเสริมให้ใช้ยาจากสมุนไพรอย่างแพร่หลาย โดยประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลของรัฐ แพทย์แผนปัจจุบัน และแพทย์แผนไทย เพื่อกระจายยาจากสมุนไพรไปสู่ผู้ใช้ให้ได้มากที่สุด

ปัจจุบันมีการสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อจัดการด้านมาตรฐานยาสมุนไพรที่ผลิตขึ้นในโรงพยาบาลในภาคใต้ จำนวน 9 โรงพยาบาล ได้แก่ รพ.สงขลา รพ.สิงหนคร จ.สงขลา, รพ.ป่าบอน จ.พัทลุง, รพ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี, รพ.ท่าแซะ จ.ชุมพร, รพ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช, รพ.ท่าแพ รพ.ละงู จงสตูล และ รพ.ห้วยยอด จ.ตรัง นอกจากนี้ ยังมีโครงการส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ปลูกพืชสมุนไพรเพื่อเป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตยาด้วย


/////////////////////


ที่มา @  ROSSANEE K. // psuradio88.com