อาการไข้หวัดใหญ่ต้องทำยังไง? เช็กวิธีรับมือที่ถูกต้องที่นี่!
รับมืออาการไข้หวัดใหญ่อย่างถูกวิธี เช็กสาเหตุ อาการ และข้อควรระวัง
อาการไข้หวัดใหญ่เกิดจาก Influenza Virus ซึ่งการติดต่อโรคไข้หวัดใหญ่เกิดจากการไอ จาม สัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อ และระบาดในฤดูฝนและหนาวอยู่เป็นประจำ
ในช่วงนี้ อาการไข้หวัดใหญ่กำลังกลับมาเป็นปัญหาสุขภาพที่ทำให้หลาย ๆ คนกังวล เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย โดยเฉพาะอากาศที่ค่อนข้างหนาวในช่วงที่เพิ่งผ่านมาเร็ว ๆ นี้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศส่งผลให้เชื้อไวรัสสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้สูงอายุ หรือแม้แต่คนทั่วไปก็มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ และยิ่งหากละเลยการดูแลสุขภาพ อาการไข้หวัดใหญ่อาจรุนแรงกว่าที่คิด และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายกับชีวิตได้ แล้วเราจะรับมือกับไข้หวัดใหญ่ในช่วงนี้อย่างไร? มาหาคำตอบไปพร้อมกันในบทความนี้!
รู้จักกับ “ไข้หวัดใหญ่ (Influenza)” คืออะไร?
ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) คือ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจาก ไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus) ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ชนิดหลัก ได้แก่ ชนิด A, B และ C โดยชนิด A และ B เป็นสาเหตุโรคไข้หวัดใหญ่ในมนุษย์ โดยทั่วไปแล้วโรคไข้หวัดใหญ่นั้นสามารถติดต่อผ่านการแพร่กระจายละอองฝอยจากการไอ จาม หรือสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสแล้วนำมือมาสัมผัสปาก จมูก หรือดวงตาต่อ ซึ่งการทำแบบนั้นส่งผลให้เชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายของเราได้ และเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วก็จะเกิดระยะฟักตัวไข้หวัดใหญ่ เมื่อเชื้อเกิดการฟักตัวแล้วไวรัสจะเข้าไปทำลายเซลล์เยื่อบุทางเดินหายใจ ส่งผลให้เกิดอาการไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ไอ และอ่อนเพลีย ซึ่งอาการไข้หวัดใหญ่เหล่านี้มีมักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายใน 1-4 วันหลังติดเชื้อ
โดยส่วนใหญ่แล้วอาการไข้หวัดใหญ่มักระบาดในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศเย็นและมีความชื้นสูง เอื้อต่อการเจริญเติบโตของไวรัส อย่างไรก็ตาม ไข้หวัดใหญ่สามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ เช่น ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ หรือภาวะหัวใจล้มเหลว โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ที่สำคัญ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาการไข้หวัดใหญ่อาจลุกลามนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิตได้
เช็กให้ชัวร์ อาการไข้หวัดใหญ่ VS อาการไข้หวัดธรรมดา แตกต่างกันอย่างไร
ความแตกต่างระหว่างอาการไข้หวัดใหญ่กับอาการไข้หวัดธรรมดา อยู่ที่ความรุนแรงของอาการและสาเหตุของการติดเชื้อ โดยไข้หวัดใหญ่เกิดจากไวรัสอินฟลูเอนซา ทำให้อาการรุนแรงกว่า เช่น ไข้สูงเฉียบพลัน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียรุนแรง และไอแห้งต่อเนื่อง ในขณะที่ไข้หวัดธรรมดามักเกิดจากไวรัสกลุ่มไรโน (Rhinovirus) หรือโคโรนาไวรัสบางชนิด อาการจะค่อย ๆ แสดงออก เช่น คัดจมูก ไอจาม มีน้ำมูก และไข้ต่ำ
โดยทั่วไปโรคไข้หวัดใหญ่มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงกว่า โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคเรื้อรัง ดังนั้น การสังเกตอาการและเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสมจึงเป็นเรื่องที่ทุกคนไม่ควรละเลยเป็นอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยป้องกันจากภาวะแทรกซ้อนของโรคได้
อาการไข้หวัดใหญ่เบื้องต้น ที่คุณควรรู้ มีอะไรบ้าง?
สำหรับอาการของไข้หวัดใหญ่เบื้องต้นที่มักเกิดขึ้น มีดังต่อไปนี้
- ไข้สูงเฉียบพลัน โดยผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่มักจะมีไข้สูงกว่า 38-39°C และอาการไข้ดังกล่าวจะมีระยะเวลานานอยู่หลายวัน
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะที่หลัง แขน ขา และข้อ
- อ่อนเพลียและหมดแรง ผู้ป่วยจะรู้สึกเหนื่อยล้าแม้ไม่ได้ทำกิจกรรมหนัก
- ไอแห้งและเจ็บคอ อาจมีอาการไอต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสัปดาห์
- ปวดศีรษะรุนแรง มักเกิดร่วมกับอาการไข้สูง
- หนาวสั่นและเหงื่อออก เนื่องจากร่างกายพยายามควบคุมอุณหภูมิให้กลับมาสู่สภาวะปกติ
- เบื่ออาหารและคลื่นไส้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย
อย่างไรก็ตาม หากมีอาการเหล่านี้หรือสังเกตพบอาการไข้หวัดใหญ่เหล่านี้ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว ไม่ควรละเลยหรือปล่อยไว้ แนะนำว่าควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ได้
อาการไข้หวัดใหญ่ที่รุนแรงและต้องระวัง
แม้ว่าอาการไข้หวัดใหญ่โดยทั่วไปแล้วจะสามารถหายเองได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ในบางกรณีอาจรุนแรงจนทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน หากพบอาการต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต โดยอาการคนเป็นไข้หวัดใหญ่ที่รุนแรงและต้องรีบไปพบแพทย์ มีดังต่อไปนี้
- ไข้สูงต่อเนื่องเกิน 3 วัน หากไข้ไม่ลดลงหรือมีแนวโน้มสูงขึ้น อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อรุนแรง
- หายใจลำบาก หายใจถี่ หรือเจ็บหน้าอก อาจบ่งบอกถึงภาวะปอดอักเสบหรือการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
- อ่อนเพลียมากจนลุกไม่ไหว หรือเวียนศีรษะรุนแรง บ่งบอกว่าร่างกายอาจขาดน้ำ หรือระบบไหลเวียนโลหิตมีปัญหา
- ปากเขียว ปลายมือปลายเท้าเย็น สัญญาณของออกซิเจนในเลือดต่ำ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่ออวัยวะสำคัญ
- อาเจียนรุนแรงหรือมีอาการท้องเสียหนัก อาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่จนเกิดภาวะช็อก
- อาการกำเริบในผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจทำให้อาการทรุดหนักอย่างรวดเร็ว
สำหรับเด็กเล็กและผู้สูงอายุที่มีอาการไข้หวัดใหญ่ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ หากพบว่ามีไข้สูง ซึม ไม่กินน้ำหรืออาหาร หรือมีอาการชัก ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที การได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง
วิธีป้องกันอาการไข้หวัดใหญ่ที่ปฏิบัติตามได้ไม่ยาก!
แม้ว่าอาการไข้หวัดใหญ่นั้นจะเป็นโรคที่พบได้ทุกปี แต่ก็สามารถป้องกันลดความเสี่ยงของโอกาสในการเกิดไข้หวัดใหญ่ได้ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิตต่าง ๆ ตั้งแต่การดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง รวมถึงในเรื่องอื่น ๆ ดังต่อไปนี้
- ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี วัคซีนไข้หวัดใหญ่จะช่วยลดความรุนแรงของโรคและป้องกันการแพร่ระบาด
- ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล การล้างมือให้สะอาดก่อนหยิบจับอาหารรับประทาน หรือสัมผัสใบหน้า ตา และจมูก ไม่เพียงช่วยรักษาความสะอาดของมือเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการสะสมของเชื้อไวรัสที่อาจติดอยู่บนมือและป้องกันไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า จมูก ปากโดยไม่จำเป็น ลดโอกาสที่เชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกาย
- สวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสเมื่ออยู่ในที่แออัด โดยเฉพาะช่วงที่มีการระบาดหรือต้องใกล้ชิดกับผู้ป่วย
- รักษาระยะห่างจากผู้ที่มีอาการป่วย หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการไอ จาม หรือเป็นไข้
- พักผ่อนให้เพียงพอ และทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงอยู่เสมอ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- หากมีอาการป่วย ควรหยุดพัก ควรพักอยู่ที่บ้านและหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้อื่น เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อไวรัสไปยังผู้อื่น
อาการไข้หวัดใหญ่รับมืออย่างไรในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่สามารถแพร่ระบาดได้ผ่านละอองฝอยจากการไอหรือจาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาวที่มีความชื้นสูง ที่สำคัญกลุ่มเสี่ยงอย่าง เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรจะต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะอาการไข้หวัดใหญ่อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบหรือหัวใจล้มเหลวได้
วิธีป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ทุกคนควรจะปฎิบัติและให้ความสำคัญอยู่เสมอ ได้แก่ การฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี ล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น และสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่แออัด นอกจากนี้ การพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายสม่ำเสมอจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน หากมีอาการไข้สูงต่อเนื่องหรือหายใจลำบาก ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อช่วยลดความรุนแรงของโรคและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้