สะตอฟอร์ยู ::: สนับสนุนให้คนใต้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น!!!

โรคแพนิค เข้าใจอาการ สาเหตุ และวิธีการรักษาอย่างถูกต้อง

by localspeaker @10 ก.พ. 68 22:56 ( IP : 27...116 )

โรคแพนิค เอาชนะความหวาดกลัวและกลับมามีชีวิตที่เป็นสุข

โรคแพนิค

โรคแพนิคหรือที่เรียกว่า "โรคตื่นตระหนก" เป็นภาวะที่สร้างความทุกข์ทรมานให้กับผู้ป่วยอย่างมาก ความน่ากลัวของโรคแพนิคคืออาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน โดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน และรุนแรงมากในช่วงเวลาสั้นๆ ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อาการโดยทั่วไปที่พบได้บ่อยคือ ใจสั่น เหงื่อออก หายใจไม่อิ่ม มือเท้าชา หน้ามืด คล้ายจะเป็นลม บางรายอาจมีอาการเจ็บหน้าอกร่วมด้วย ทำให้ผู้ป่วยมักเข้าใจผิดว่าตนเองกำลังเป็นโรคหัวใจ หากคุณหรือคนใกล้ชิดกำลังเผชิญกับอาการที่กล่าวมา อย่าปล่อยทิ้งไว้ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจโรคแพนิคให้มากขึ้น


โรคแพนิคเกิดจากอะไร? ทำความเข้าใจปัจจัยที่อาจนำไปสู่ภาวะตื่นตระหนก

โรคแพนิคเกิดจาก

โรคแพนิค คือ โรควิตกกังวลชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการตื่นตระหนกอย่างรุนแรงฉับพลัน หรือที่เรียกว่า Panic attack คือ ภาวะที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน พร้อมกับความรู้สึกหวาดกลัวอย่างรุนแรงโดยไม่มีอันตรายใดๆ จริงๆ อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า และสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาสาเหตุของโรคแพนิคยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าเป็นผลมาจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน ได้แก่

  • พันธุกรรม: หากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรควิตกกังวลหรือโรคแพนิค ก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้สูงขึ้น
  • ความเครียด: เหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง เช่น การสูญเสียคนรัก การหย่าร้าง ปัญหาทางการเงิน หรือความเครียดสะสมเรื้อรัง ล้วนเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดโรคแพนิคได้
  • สารเคมีในสมอง: ความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง โดยเฉพาะสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์และความวิตกกังวล เช่น เซโรโทนิน นอร์อิพิเนฟริน และกาบา อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคแพนิค
  • การเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพ: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ช่วงวัยรุ่น การตั้งครรภ์ หรือช่วงหมดประจำเดือน อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคแพนิคได้เช่นกัน
  • การใช้สารเสพติด: การใช้สารกระตุ้นประสาท เช่น คาเฟอีน แอลกอฮอล์ หรือยาเสพติดบางชนิด อาจกระตุ้นให้เกิดอาการตื่นตระหนกได้

เช็กอาการของโรคแพนิค สัญญาณเตือนที่ไม่ควรละเลย

โรคแพนิค ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจ  ผู้ป่วยโรคแพนิคจะรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย หัวใจวาย หรือสูญเสียการควบคุมตัวเอง ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้สร้างความหวาดกลัวและความทุกข์ทรมานอย่างมากให้กับผู้ป่วย นอกจากอาการทางกาย เช่น ใจสั่น หายใจไม่อิ่ม เหงื่อออก ตัวสั่น หน้ามืด แล้ว ผู้ป่วยโรคแพนิคมักมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการเกิดอาการตื่นตระหนกซ้ำอีกในอนาคต จนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน

อาการมักเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรง โดยอาการโรคแพนิคทั่วไปที่พบมากที่สุด ได้แก่

  • ใจสั่นแรงและเร็ว
  • เหงื่อออกมากผิดปกติ
  • หายใจถี่หรือรู้สึกหายใจไม่อิ่ม
  • ตัวสั่นหรือรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ
  • แน่นหน้าอกหรือเจ็บหน้าอก
  • คลื่นไส้หรือปวดท้อง
  • เวียนศีรษะ หน้ามืด หรือรู้สึกเหมือนจะเป็นลม
  • รู้สึกชาหรือรู้สึกเหมือนเข็มทิ่มตามร่างกาย
  • กลัวว่ากำลังจะเสียสติ
  • กลัวว่ากำลังจะตาย

อาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นพร้อมกันหลายอาการ และมักทำให้ผู้ป่วยรู้สึกหวาดกลัวอย่างรุนแรง คิดว่าตนเองกำลังจะตาย หัวใจวาย หรือสูญเสียการควบคุมตัวเอง ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้สร้างความทุกข์ทรมานอย่างมาก นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคแพนิคยังมักมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการเกิดอาการแพนิคซ้ำอีกในอนาคต จนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน

โรคแพนิคอันตรายไหม? ถึงแม้ว่าอาการของโรคแพนิคจะรุนแรงและน่ากลัว แต่โดยทั่วไปแล้วไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิตโดยตรง อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ทำให้เกิดความวิตกกังวล หลีกเลี่ยงสถานการณ์ทางสังคม และอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ ดังนั้น หากคุณมีอาการที่สงสัยว่าเป็นโรคแพนิค ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องต่อไป


โรคแพนิคกับโรคซึมเศร้า ต่างกันอย่างไรนะ?

หลายคนมักเข้าใจผิด คิดว่าโรคแพนิคกับโรคซึมเศร้าเป็นโรคเดียวกัน เพราะมีอาการบางอย่างคล้ายกัน แต่จริงๆ แล้ว ทั้งสองโรคนี้ต่างกัน ถึงแม้ว่าบางครั้ง คนที่เป็นโรคแพนิคอาจมีภาวะซึมเศร้าร่วมด้วยก็ได้

ลองนึกภาพโรคแพนิคเหมือนกับสัญญาณเตือนภัยที่ดังขึ้นทันที แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย คนที่เป็นโรคนี้ จะมีอาการตื่นตระหนกอย่างรุนแรง (Panic attack) คือใจสั่น หายใจไม่อิ่ม เหงื่อแตก ตัวสั่น พร้อมกับความกลัวแบบสุดขีด กลัวตาย หรือกลัวว่าตัวเองจะควบคุมตัวเองไม่ได้

ส่วนโรคซึมเศร้านั้น เหมือนกับความรู้สึกหม่นหมองที่ปกคลุมตลอดเวลา ทำให้รู้สึกเศร้า เบื่อ ท้อแท้ สิ้นหวัง ไม่อยากทำอะไรที่เคยชอบ แถมยังมีปัญหาเรื่องการนอน การกิน และไม่มีสมาธิอีกด้วย

แม้ว่าสองโรคนี้จะต่างกัน แต่ก็สามารถเกิดขึ้นพร้อมกันได้ คนที่เป็นโรคแพนิคอาจกลายเป็นซึมเศร้าตามมาได้ ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง เพราะความกังวลว่าอาการแพนิคจะกลับมาอีก บวกกับผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ทำให้รู้สึกท้อแท้และหมดหวังในที่สุด

เพราะฉะนั้น การวินิจฉัยที่ถูกต้องจึงสำคัญมาก หากคุณรู้สึกว่าตัวเองมีปัญหาทางสุขภาพจิต อย่าพึ่งวินิจฉัยตัวเองด้วยการทำโรคแพนิคแบบทดสอบหรือโรคแพนิคซึมเศร้าแบบทดสอบแต่ควรไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตโดยตรง เพื่อให้เขาตรวจสอบอาการอย่างละเอียด และให้การรักษาที่เหมาะสมกับคุณ การทำแบบทดสอบออนไลน์ต่างๆ อาจให้ข้อมูลเบื้องต้นได้ แต่ไม่สามารถใช้แทนการวินิจฉัยจากแพทย์ อย่าปล่อยให้ความกังวลเรื่องแพนิคกับโรคหัวใจ หรืออาการอื่นๆ ทำให้คุณไม่กล้าขอความช่วยเหลือ


การรักษาโรคแพนิคให้หายขาด ไม่ยากอย่างที่คิด

รักษาโรคแพนิค

การรักษาโรคแพนิค มีหลายวิธี และมักได้ผลดีเมื่อใช้หลายวิธีร่วมกัน เป้าหมายของการรักษาคือการลดความถี่และความรุนแรงของอาการ ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ และป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ โดยทั่วไปการรักษาจะประกอบด้วย 2 ส่วนหลักๆ คือ การรักษาด้วยยา และการรักษาด้วยจิตบำบัด

รักษาโรคแพนิคด้วยยา

ยารักษาโรคแพนิคมีหลายชนิด แพทย์จะเลือกใช้ยาตามความเหมาะสมกับอาการของแต่ละบุคคล ยาที่นิยมใช้ ได้แก่ ยาต้านเศร้า และยาคลายกังวล ยาเหล่านี้ช่วยปรับสมดุลสารเคมีในสมอง ลดความวิตกกังวล และบรรเทาอาการทางกาย อย่างไรก็ตาม การใช้ยาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

รักษาโรคแพนิคด้วยจิตบำบัด

จิตบำบัดเป็นส่วนสำคัญในการรักษาโรคแพนิค โดยเฉพาะการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม (CBT) ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาการแพนิค เรียนรู้วิธีจัดการกับความวิตกกังวล และเปลี่ยนแปลงความคิดเชิงลบ นอกจากนี้ การฝึกผ่อนคลาย เช่น การฝึกหายใจ การทำสมาธิ ก็สามารถช่วยลดแก้อาการแพนิคได้เช่นกัน แม้ว่าจะมีข้อมูลเกี่ยวกับรักษาแพนิคด้วยตัวเองอยู่มากมาย แต่การปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล


โรคแพนิค รักษาหายไหม?

คำถามที่ผู้ป่วยโรคแพนิค และคนรอบข้างมักกังวลคือ โรคแพนิครักษาหายไหม? คำตอบคือ โรคแพนิคสามารถรักษาให้หายขาดได้ หรืออย่างน้อยก็สามารถควบคุมอาการได้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีวิธีรักษาที่ได้ผลกับทุกคน 100% แต่ด้วยการรักษาที่เหมาะสม ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

การรักษาที่ได้ผลดีที่สุด มักเป็นการผสมผสานระหว่างการใช้ยา เช่น ยาต้านเศร้า ยาคลายกังวล และการทำจิตบำบัด เช่น การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม (CBT) ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจและจัดการกับความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาการแพนิคได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากการรักษาโดยแพทย์แล้ว การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตก็มีส่วนสำคัญในการช่วยแก้อาการแพนิค และป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ เช่น

  • การออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  • การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • การฝึกผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ โยคะ การหายใจลึกๆ
  • การหลีกเลี่ยงสารกระตุ้น เช่น คาเฟอีน แอลกอฮอล์ และบุหรี่

เข้าใจโรคแพนิคและวิธีรับมืออย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันอาการรุนแรง

สิ่งสำคัญที่สุดคือการ "รู้เท่าทัน" อาการของตัวเอง และ "ไม่ปล่อยทิ้งไว้จนสายเกินไป" หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการที่สงสัยว่าเป็นโรคแพนิค อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากแพทย์หรือบุคลากรด้านสุขภาพจิต ยิ่งเริ่มต้นการรักษาเร็วเท่าไหร่ โอกาสในการควบคุมอาการและกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น อย่าปล่อยให้โรคแพนิคมาเป็นอุปสรรคขัดขวางความสุขในชีวิตของคุณ

แสดงความคิดเห็น

« 4280
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง