สะตอฟอร์ยู ::: สนับสนุนให้คนใต้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น!!!

ต้อกระจก สาเหตุเกิดจากอะไร และมีอะไรบ้างที่ผู้สูงวัยควรระวัง?

by localspeaker @7 ก.พ. 68 19:27 ( IP : 184...221 )

ต้อกระจก

การมองเห็นเป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตประจำวันของเรา แต่บางครั้งความชราหรือปัจจัยอื่น ๆ อาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นของเรา ต้อกระจกเป็นหนึ่งในโรคที่ส่งผลให้การมองเห็นของเราหมองเบลอหรือผิดปกติ โดยมักเกิดขึ้นเมื่อเลนส์ตาเริ่มขุ่นมัว ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในทุก ๆ ด้าน โดยในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับโรคต้อกระจก สาเหตุ อาการ รวมถึงวิธีรักษาต้อกระจกเพื่อช่วยให้คุณสามารถรับมือกับโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ต้อกระจก คืออะไร?

ต้อกระจกคือ

ต้อกระจก (Cataract) คือ ภาวะที่เลนส์ในดวงตาขุ่นมัว ซึ่งปกติเลนส์ตาควรจะใสและโปร่งแสง เพื่อให้แสงสามารถผ่านไปยังจอประสาทตาได้อย่างชัดเจน เมื่อเลนส์ตาขุ่นมัว การมองเห็นจะเริ่มผิดปกติ ทำให้มองเห็นภาพเบลอหรือมัวและอาจมีปัญหากับการมองเห็นในที่มืดด้วย ต้อกระจกส่วนใหญ่เกิดจากกระบวนการของร่างกายเมื่ออายุมากขึ้น แต่ก็สามารถเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น การบาดเจ็บที่ตา, การใช้ยาบางชนิด, หรือภาวะโรคอื่น ๆ เช่น เบาหวาน การรักษาต้อกระจกสามารถทำได้โดยการผ่าต้อกระจกเพื่อเปลี่ยนเลนส์ตา ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูการมองเห็นมากที่สุด

สาเหตุการเกิดต้อกระจก

สาเหตุของโรคต้อกระจกสามารถเกิดจากหลายปัจจัย ดังนี้

  • อายุ: การเสื่อมสภาพของเลนส์ตาตามอายุเป็นสาเหตุหลักของโรคต้อกระจกตา โดยมักเกิดในผู้สูงอายุ

  • การบาดเจ็บที่ตา: การบาดเจ็บที่ตาอาจทำให้เกิดการขุ่นมัวของเลนส์ตา

  • โรคเบาหวาน: คนที่เป็นเบาหวานมีความเสี่ยงสูงที่ตาจะเป็นต้อกระจก เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงสามารถส่งผลต่อเลนส์ตา

  • การใช้ยาบางชนิด: ยาประเภทสเตียรอยด์และยาบางชนิดอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดต้อกระจก

  • การสัมผัสแสงแดดมากเกินไป: การสัมผัสกับรังสี UV โดยตรงจากแสงแดดเป็นเวลานานอาจทำให้เลนส์ตาขุ่นมัว

  • กรรมพันธุ์: หากมีประวัติครอบครัวเป็นโรคต้อหินหรือต้อกระจก อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้

  • การติดเชื้อในตา: การติดเชื้อที่ตาในช่วงแรกของชีวิตหรือภาวะที่เกิดการอักเสบในตาอาจทำให้เกิดต้อกระจก

  • โรคหรือภาวะทางสุขภาพ : ตาเป็นต้อกระจกอาจะเกิดจากโรคอื่น ๆ เช่น ความดันโลหิตสูงหรือโรคตับบางประเภท

อาการของโรคต้อกระจก

บางครั้งผู้ที่เป็นต้อกระจกก็อาจไม่ทันสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับการมองเห็น ซึ่งการสังเกตอาการนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณสามารถตรวจพบปัญหาตั้งแต่เนิ่น ๆ และได้รับการรักษาต้อกระจกอย่างเหมาะสม โดยโรคต้อกระจกมีอาการดังนี้

  • มองเห็นภาพเบลอหรือมัว เช่น การมองเห็นเหมือนมีหมอกปกคลุม

  • มองเห็นสีสันไม่สดใส หรือสีดูจางลง

  • สายตาสู้แสงสว่างไม่ค่อยได้

  • มีปัญหาในการมองเห็น เช่น มองเห็นแสงสะท้อนหรือแสงจ้าจากไฟหน้ารถในตอนกลางคืน

การผ่าตัดรักษาโรคต้อกระจก

ผ่าต้อกระจกราคา

ต้อกระจกรักษาได้ด้วยการผ่าตัด โดยวิธีรักษาทางการแพทย์สำหรับต้อกระจกสามารถแบ่งออกเป็น 3 วิธีดังนี้

  1. การผ่าตัดแผลเล็กร่วมกับการสลายต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Phacoemulsification) ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์สลายต้อกระจกผ่านแผลเล็กขนาด 2.2–3 มม. แล้วใส่เลนส์แก้วตาเทียม ข้อดีคือแผลเล็ก ไม่ต้องเย็บ ใช้เพียงยาชาหยอด ฟื้นตัวเร็ว

  2. การผ่าตัดแบบแผลเปิดกว้าง (Extracapsular Cataract Extraction; ECCE) เปิดแผลยาวประมาณ 10 มม. เพื่อนำเลนส์ตาที่ขุ่นออกและใส่เลนส์เทียม เหมาะสำหรับต้อกระจกรุนแรงที่แข็งและไม่สามารถสลายได้ด้วยคลื่นเสียง

  3. การผ่าตัดด้วยเลเซอร์ (Femtosecond Laser Surgery) ใช้เลเซอร์ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ช่วยในขั้นตอนสำคัญ ร่วมกับเครื่องสแกนจอตา (OCT) เพื่อความแม่นยำสูง เปิดแผล นำเลนส์ขุ่นออก แล้วใส่เลนส์เทียมแทน

วิธีการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดต้อกระจก

การผ่าตาต้อกระจกเป็นการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยจะช่วยฟื้นฟูการมองเห็นให้กลับมาเป็นปกติหลังจากที่เลนส์ตาขุ่นมัวจากโรคต้อกระจก ซึ่งการผ่าตัดนี้มักใช้เวลาฟื้นตัวไม่นาน และสามารถกลับไปทำกิจกรรมปกติได้ภายในเวลาอันสั้น ดังนั้นการดูแลหลังผ่าต้อกระจกจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ โดยควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้

  • หลังการผ่าตัดจะได้รับยาหยอดตาต้อกระจกหรือยาเพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดการอักเสบ ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

  • ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือขยี้ตาในช่วงระยะเวลาฟื้นตัว เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อหรือระคายเคือง

  • การนอนหลับและพักผ่อนจะช่วยให้การฟื้นตัวเร็วขึ้น ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้สายตาหนักๆ ในช่วงแรก เช่น การอ่านหรือการมองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน

  • หลังผ่าต้อกระจก ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดแรงกระแทกที่ดวงตาในช่วงสัปดาห์แรก

  • หลังการผ่าต้อกระจกต้องพักฟื้นดวงตา ด้วยการสวมแว่นตาป้องกัน (หรือที่ปิดตา) เพื่อป้องกันไม่ให้มีสิ่งสกปรกหรือฝุ่นเข้าไปในตา

  • ควรกลับไปพบแพทย์ตามนัด เพื่อให้แพทย์ตรวจสอบอาการหลังผ่าต้อกระจกและประเมินความคืบหน้าหลังการผ่าตัด

วิธีป้องกันจากการเป็นต้อกระจก

การป้องกันการเป็นต้อกระจกสามารถทำได้โดยการดูแลตาและสุขภาพทั่วไปอย่างเหมาะสม ซึ่งเราได้รวบรวมวิธีการป้องกันตัวเองให้คุณแล้วดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง และสวมแว่นตากันแดดที่มี UV protection เพื่อลดความเสี่ยงจากแสงแดด

  • หากมีโรคเบาหวาน ควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติ

  • รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักผลไม้ที่มีวิตามิน C และ E ซึ่งช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ตา

  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดต้อกระจก

  • ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำจะช่วยให้สามารถรักษาอาการต้อกระจกได้ทันเวลา

รู้ทันต้อกระจก รีบรักษาอย่านิ่งนอนใจ

ผู้ที่มีความเสี่ยงว่าจะเป็นต้อกระจก ควรสังเกตอาการมองเห็นพร่ามัว เห็นภาพซ้อน หรือแพ้แสงมากผิดปกติ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ หากมีอาการเหล่านี้อย่านิ่งนอนใจ ควรรีบพบจักษุแพทย์ทันที เพราะต้อกระจกสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาเทียม ยิ่งรักษาเร็ว ยิ่งฟื้นฟูการมองเห็นได้ดี ทั้งยังลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียการมองเห็นถาวรได้อีกด้วย

แสดงความคิดเห็น

« 4280
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง