4 ประเภทแอปช่วยออมเงิน โหลดแอปเหล่านี้มาใช้ ออมเงินได้ชัวร์
การออมเงิน เป็นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวทุกคน และเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ว่าใครก็ควรให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น วัยเรียน วัยทำงาน หรือผู้สูงอายุก็ตาม เพราะการวางแผนการเงิน และการออมเงินจะช่วยให้คุณมีความมั่นคงในชีวิตได้ ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างไร้กังวลมากขึ้น เพราะเมื่อมีเงินเก็บแล้ว ไม่ว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรคุณก็พร้อมตั้งรับได้เสมอ ดังนั้นการ วันนี้เราจึงอยากจะช่วยให้การออมเงินเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นสำหรับคุณ โดยที่ในบทความนี้คุณจะได้รู้จักกับ 4 ประเภทแอปช่วยออมเงิน และ 4 เทคนิคการเก็บออมเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มาดูกันเลยว่าจะมีอะไรบ้าง
4 ประเภทแอปช่วยออมเงิน
- แอปช่วยออมเงินประเภท แอปพลิเคชันจากธนาคารที่ช่วยให้คุณออมเงินได้ง่ายขึ้นด้วยกันสร้างบัญชี หรือสร้างกระเป๋าเงินย่อย ๆ เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ในการจัดการรายรับ และรายจ่าย ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งเงินค่าบ้าน ค่าบัตรเครดิต ค่ากินอยู่ เงินออมเพื่อโปรเจกต่าง ๆ และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งแอปพลิเคชันเหล่านี้มักมีอัตราดอกเบี้ยในการจ่ายกำไรที่สูงกว่าบัญชีปกตินิดหน่อยด้วย
- แอปช่วยออมเงินประเภทช่วยติดตามรายรับรายจ่าย หรือแอปที่ช่วยทำบัญชีรายรับรายจ่ายนั่นเอง แอปพลิเคชั่นประเภทนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นมาเสียเงินไปกับเรื่องใดบ้าง และจะช่วยให้คุณวางแผนการใช้เงินได้ดีขึ้นด้วย
- แอปช่วยออมเงินประเภทช่วยตั้งงบประมาณ คือแอปพลิเคชั่นที่ช่วยให้คุณตั้งงบประมาณเงินที่ต้องการใช้ไว้ได้ และช่วยให้คุณเห็นว่าใช้เงินไปเท่าไหร่แล้ว เพื่อที่จะได้ไม่ใช้เงินเกินงบประมาณ
- แอปช่วยออมเงินประเภทแอปรวมคูปอง และโปรโมชันต่าง ๆ ที่ช่วยให้คุณสามารถซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ได้ในราคาที่ถูกกว่าเดิมเพราะมีส่วนลดพิเศษนั่นเอง แม้จะลดได้ไม่มาก แต่หากใช้คูปองในการซื้อของต่าง ๆ เสมอ ก็จะลดค่าใช้จ่ายต่อปีได้แน่นอน
4 เทคนิคช่วยประหยัดเงิน
- ตั้งงบประมาณที่จะใช้ และเก็บออมต่อเดือน แล้วทำตามอย่างเคร่งครัด พยายามไม่ใช้เงินเกินงบประมาณที่ตั้งไว้แต่ละเดือน และหากมีเงินเหลือก็ควรที่จะนำไปเก็บออมเพิ่มเติม
- เปรียบเทียบราคาสินค้าและบริการที่จะซื้อจะใช้ก่อนเสมอ เพื่อหาดีลที่ดีที่สุด เพราะแม้จะเป็นสินค้าเดียวกัน คล้ายกัน แต่ละร้านก็ย่อมมีราคาต่างกันแน่นอน
- ไม่ซื้อของเพียงเพราะอยากได้ หรือเห็นว่าน่ารัก แต่ให้คิดให้ดีก่อนซื้อเสมอ และหากจะซื้อของราคาแพงสักชิ้นก็ควรคิดให้ดี ๆ ลองกลับไปนอนคิดก่อนสัก 2-3 วัน หากยังอยากได้อยู่จึงวางแผนซื้อ แต่หากความอยากได้น้อยลงก็แปลว่าคุณไม่ได้ต้องการสิ่งนั้นจริง ๆ
- พยายามไม่เป็นหนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนี้กู้ หรือหนี้บัตรเครดิต เพราะหนี้ย่อมมาพร้อมกับดอกเบี้ยเสมอ และจะทำให้ค่าใช้จ่ายพอกพูนไปเรื่อย ๆ