9 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกกราม
การฉีดโบท็อกกรามเป็นหนึ่งในขั้นตอนความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งช่วยให้ใบหน้าดูเรียวเล็กและอ่อนเยาว์มากขึ้น
ทว่า ก่อนตัดสินใจฉีด หลายคนก็ยังคงมีข้อสงสัยมากมาย บทความนี้จึงอยากมาไขข้อข้องใจ ด้วยการรวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกกราม พร้อมคำตอบที่ชัดเจนจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มีข้อมูลที่ครบถ้วน และมั่นใจมากยิ่งขึ้นก่อนที่จะทำหัตถการนี้
คำถามที่ 1 : ฉีดโบท็อกกรามคืออะไร?
การฉีดโบท็อกกรามคือการใช้สารโบทูลินัมท็อกซินชนิด A (Botox) ฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อกราม (masseter muscle) เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อส่วนนี้ ทำให้กล้ามเนื้อหดตัวน้อยลง และใบหน้าดูเรียวเล็กขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับรูปหน้า เช่น กรามใหญ่ กรามเหลี่ยม หรือมีปัญหาในการบดเคี้ยว
คำถามที่ 2 : ฉีดโบท็อกกรามแล้วจะเห็นผลเมื่อไร ?
ผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกกรามจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้น โดยจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ประมาณ 2-4 สัปดาห์ และจะเห็นผลเต็มที่ประมาณ 1-2 เดือน ผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 6-8 เดือน แต่ระยะเวลาที่ผลลัพธ์คงอยู่จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ปริมาณโบท็อกที่ฉีด การเผาผลาญของร่างกาย และกิจกรรมที่ทำ
คำถามที่ 3 : ฉีดโบท็อกกรามเจ็บไหม ?
การฉีดโบท็อกกรามจะรู้สึกเหมือนเข็มทิ่มเล็กน้อย ซึ่งสามารถทนได้ และแพทย์จะทายาชาบริเวณที่จะฉีดก่อน เพื่อลดความรู้สึกเจ็บปวด นอกจากนี้ ยังมีคลินิกบางแห่งที่ใช้เครื่องเย็นช่วยลดความรู้สึกเจ็บระหว่างการฉีดอีกด้วย
คำถามที่ 4 : ฉีดโบท็อกกรามอันตรายไหม ?
หากทำการฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกที่ได้มาตรฐาน การฉีดโบท็อกกรามจะถือว่าปลอดภัย แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ เช่น บวม ช้ำ แดง หรือมีรอยเข็ม ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปเองภายในไม่กี่วัน อย่างไรก็ตาม หากฉีดโดยผู้ที่ไม่มีความรู้ หรือฉีดในปริมาณที่มากเกินไป อาจเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปฏิกิริยาแพ้
คำถามที่ 5 : ฉีดโบท็อกกรามแล้วจะยิ้มไม่ได้หรือเปล่า ?
หากแพทย์ฉีดโบท็อกในตำแหน่งที่ถูกต้องและใช้ปริมาณที่เหมาะสม จะไม่ส่งผลกระทบต่อการแสดงออกทางสีหน้า เช่น การยิ้มหรือการพูดคุย อย่างไรก็ตาม หากฉีดในปริมาณที่มากเกินไป หรือฉีดในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดการยิ้มไม่สมดุลหรือพูดลำบากได้
คำถามที่ 6 : ฉีดโบท็อกกรามแล้วต้องดูแลตัวเองอย่างไร ?
งดการออกกำลังกายหนัก : ควรงดการออกกำลังกายหนักในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้สารโบท็อกกระจายตัว
หลีกเลี่ยงความร้อน : หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ร้อน เช่น ซาวน่า ห้องอบไอน้ำ หรือการอาบน้ำอุ่นจัด เพราะความร้อนจะทำให้สารโบท็อกทำงานได้ไม่เต็มที่
นวดบริเวณที่ฉีด : ไม่ควรนวดบริเวณที่ฉีดอย่างแรง เพื่อป้องกันไม่ให้สารโบท็อกกระจายตัว
หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ : ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพราะแอลกอฮอล์อาจทำให้เกิดการอักเสบได้
รับประทานอาหารอ่อน : ควรรับประทานอาหารอ่อนในช่วง 2-3 วันแรก เพื่อลดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อกราม
คำถามที่ 7 : ฉีดโบท็อกกรามแล้วต้องเติมซ้ำไหม ?
ผลของโบท็อกกรามจะค่อย ๆ ลดลงตามระยะเวลา และจำเป็นต้องฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ โดยทั่วไปจะต้องฉีดซ้ำทุก ๆ 6-8 เดือน แต่ระยะเวลาฉีดซ้ำอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
คำถามที่ 8 : ฉีดโบท็อกกรามราคาเท่าไร ?
ราคาของการฉีดโบท็อกกรามจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปริมาณโบท็อกที่ใช้ คลินิกที่เลือก และประสบการณ์ของแพทย์ โดยทั่วไปราคาจะเริ่มต้นที่หลักพันบาทขึ้นไป
คำถามที่ 9 : ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดโบท็อกกราม ?
ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
ผู้ที่มีโรคประสาทหรือกล้ามเนื้อบางชนิด
ผู้ที่มีประวัติแพ้สารโบทูลินัมท็อกซิน
ผู้ที่มีแผลเปิดบริเวณที่ต้องการฉีด
การฉีดโบท็อกกรามเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวเล็กขึ้น แต่ก่อนตัดสินใจ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพใบหน้าเสียก่อน เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ปลอดภัย และน่าพอใจแล้ว