ฟิลเลอร์ หัตถการปรับรูปหน้าให้ออกมาสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ
หลายคนอาจประสบปัญหาที่ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจในภาพลักษณ์ เช่น มีริ้วรอยลึก โหนกแก้มตอบ ขมับบุ๋ม ร่องแก้มลึก หรือคางที่ไม่ได้สัดส่วน ซึ่งปัญหาเหล่านี้เกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ การสูญเสียคอลลาเจนและไขมันใต้ผิวหนัง หรือผลกระทบจากไลฟ์สไตล์ การแก้ไขด้วย ฟิลเลอร์ นับเป็นหนึ่งในเทคนิคความงามที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ด้วยความสามารถในการปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ เต่งตึง และสวยงามตามที่ต้องการ ทำให้หลายคนหันมาให้ความสนใจและเลือกใช้บริการฉีด Filler เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง
ฟิลเลอร์ คืออะไร ช่วยในการปรับรูปหน้าอย่างไร
ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สารเติมเต็มที่ถูกออกแบบมาเพื่อฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนังหรือชั้นใต้ผิวหนังเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของใบหน้าและผิวพรรณ โดยสารที่นิยมใช้มากที่สุดคือ ไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและยืดหยุ่นให้ผิว นอกจากนี้ยังมีฟิลเลอร์ชนิดอื่น เช่น แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite) และ โพลีแอลแลคติกแอซิด (Poly-L-Lactic Acid) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้เช่นเดียวกัน
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ที่แตกต่างจากหัตถการปรับรูปหน้าอื่นๆ
ฟิลเลอร์ (Filler) ถือเป็นหนึ่งในหัตถการปรับรูปหน้าที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่ทำให้แตกต่างจากการปรับรูปหน้าแบบอื่น เช่น การผ่าตัดเสริมโครงหน้า การร้อยไหม หรือการใช้สารโบท็อก (Botox) โดยข้อดีเฉพาะตัวของฟิลเลอร์ มีดังนี้
- หลังฉีดฟิลเลอร์สามารถเติมเต็มหรือปรับรูปหน้าได้ทันที โดยไม่ต้องรอผลลัพธ์หลายวันหรือหลายสัปดาห์ เช่นเดียวกับการร้อยไหมหรือโบท็อกซ์
- ไม่มีการผ่าตัด ไม่ต้องดมยาสลบ และไม่มีแผลขนาดใหญ่ ทำให้ลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัด เช่น การติดเชื้อหรือเกิดแผลเป็น
- ระยะเวลาฟื้นตัวสั้น หลังจากฉีดฟิลเลอร์สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันที อาจมีเพียงรอยแดงหรือบวมเล็กน้อยที่หายได้ภายใน 1-2 วัน
- หากผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ สามารถแก้ไขด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์ได้
- ฟิลเลอร์เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทดลองปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องการผลลัพธ์ถาวร และสามารถเติมฟิลเลอร์ซ้ำใหม่ได้เรื่อย ๆ
- เหมาะกับปัญหาใบหน้าที่หลากหลาย เพราะสามารถใช้เติมเต็มจุดต่าง ๆ ได้ เช่น ร่องแก้ม ขมับ คาง ใต้ตา จมูก หรือริมฝีปาก
- การฉีดฟิลเลอร์ราคาย่อมเยากว่าเมื่อเทียบกับบางหัตถการ ในกรณีที่ปรับแต่งเฉพาะจุด ฟิลเลอร์มักมีราคาถูกกว่าการผ่าตัดใหญ่ เช่น เสริมโหนกแก้มหรือคาง
ฟิลเลอร์ฉีดตรงไหนได้บ้าง?
ฟิลเลอร์สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ บนใบหน้าได้อย่างตรงจุดและเห็นผลรวดเร็ว โดยบริเวณที่นิยมฉีดฟิลเลอร์มากที่สุด ได้แก่
* ร่องใต้ตา: ที่ช่วยลดรอยคล้ำใต้ตา เติมเต็มร่องลึก ทำให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น ซึ่งปริมาณที่ควรฉีดอยู่ที่ประมาณ 1-2 ซีซี
ร่องแก้ม: ที่ช่วยเติมเต็มร่องลึกข้างจมูกที่ทำให้ดูมีอายุ เพิ่มความเรียบเนียนให้ใบหน้า ซึ่งปริมาณที่ควรฉีดอยู่ที่ประมาณ 1-2 ซีซี
คาง: ที่สามารถแก้ไขปัญหาคางสั้นหรือบุ๋ม ช่วยปรับสมดุลโครงหน้า เสริมคางให้ได้รูปมากยิ่งขึ้น ซึ่งปริมาณที่ควรฉีดอยู่ที่ประมาณ 1-3 ซีซี
ขมับ: ช่วยเติมเต็มขมับที่ตอบหรือบุ๋ม ทำให้ใบหน้าดูอิ่มเอิบและสมดุลรับกับโครงหน้ากว่าเดิม ซึ่งปริมาณที่ควรฉีดอยู่ที่ประมาณ 2-4 ซีซี
โหนกแก้ม: ช่วยเพิ่มวอลลุ่มบริเวณโหนกแก้ม ยกกระชับผิวหน้า ช่วยทำให้ใบหน้าดูมีมิติ ซึ่งปริมาณที่ควรฉีดอยู่ที่ประมาณ 1-2 ซีซี
ริมฝีปาก: ช่วยแก้ไขปัญหาริมฝีปากบาง รอยเหี่ยวย่นรอบริมฝีปาก และปรับรูปทรงริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม ซึ่งปริมาณที่ควรฉีดอยู่ที่ประมาณ 1-2 ซีซี
จมูก: ช่วยปรับสันจมูกและปลายจมูกให้เรียวสวยโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งปริมาณที่ควรฉีดอยู่ที่ประมาณ 1-2 ซีซี
ร่องน้ำหมาก: ช่วยลดร่องลึกจากมุมปากลงมาคล้ายร่องน้ำหมาก ทำให้ใบหน้าดูสดใสและไม่เศร้าหมอง ซึ่งปริมาณที่ควรฉีดอยู่ที่ประมาณ 1-2 ซีซี
หน้าผาก: ช่วยเติมเต็มหน้าผากที่แบน สร้างโค้งเว้าสวยงาม และลดรอยย่นบริเวณหน้าผาก ซึ่งปริมาณที่ควรฉีดอยู่ที่ประมาณ 1-3 ซีซี
การฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม มีผลข้างเคียงที่รุนแรงหรือไม่
การฉีดฟิลเลอร์โดยทั่วไปถือว่าปลอดภัย หากดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม หากดำเนินการโดยผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพ อาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อผู้รับบริการได้ ส่วนฉีดฟิลเลอร์แล้วอักเสบหรือติดเชื้อที่พบได้บ่อยตามข่าวนั้น เป็นผลมาจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งปริมาณที่ใช้ก็มีส่วนสำคัญที่อาจทำให้ใบหน้าดูผิดธรรมชาติ หรือเกิดการกดทับเส้นเลือดในบริเวณนั้น หรือการเลือกฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างเส้นเลือดและตำแหน่งที่เหมาะสม หรือสถานพยาบาลไม่ได้มาตรฐาน
แนะนำยี่ห้อฟิลเลอร์ ผ่านการรับรองจากอย.ไทย ปลอดภัย 100%
ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมและผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย. ในประเทศไทย มีดังนี้
Restylane
เป็นฟิลเลอร์สัญชาติสวีเดนที่ใช้เทคโนโลยี NASHA™ และ OBT™ และมีหลากหลายสูตร เช่น Restylane Lyft (สำหรับยกกระชับ), Restylane Volyme (เพิ่มวอลลุ่ม) และ Restylane Kysse (สำหรับริมฝีปาก)เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยใต้ตา ร่องแก้ม ขมับ และริมฝีปาก โดยผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
Juvederm
เป็นฟิลเลอร์สัญชาติสหรัฐอเมริกา ผลิตโดยบริษัท Allergan ที่ใช้เทคโนโลยี Vycross™ ซึ่งจะทำให้เนื้อเจลเนียนละเอียดและอยู่ได้นาน และมีสูตรยอดนิยม อย่างเช่น Juvederm Voluma (เสริมคาง), Juvederm Volite (เพิ่มความชุ่มชื้น), และ Juvederm Ultra XC (เติมริมฝีปาก) เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาร่องใต้ตา ร่องแก้ม คาง และริมฝีปาก โดยผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-24 เดือน
Belotero
เป็นฟิลเลอร์สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ผลิตโดยบริษัท Merz Aesthetics จุดเด่นของฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้คือ เนื้อเจลที่บางเบาและเข้ากับเนื้อเยื่อผิวได้ดี เหมาะสำหรับการเติมเต็มที่ต้องการความละเอียด เช่น ใต้ตาหรือร่องลึกเล็ก ๆ โดยผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
Neuramis
เป็นฟิลเลอร์สัญชาติเกาหลีใต้ ที่ใช้เทคโนโลยี SHAPE™ เพื่อช่วยให้เนื้อฟิลเลอร์คงตัวและกระจายตัวได้ดี มีราคาย่อมเยาแต่คุณภาพสูง เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณคาง ขมับ และเติมเต็มร่องลึก โดยผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
E.P.T.Q.
เป็นฟิลเลอร์สัญชาติเกาหลีใต้ ที่ผ่านมาตรฐานยุโรป CE และอย.ไทย จุดเด่นของฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้คือ มีเนื้อเจลที่ยืดหยุ่นสูง และเหมาะกับการปรับรูปหน้าบริเวณคาง และร่องแก้ม โดยผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
Revanesse
เป็นฟิลเลอร์สัญชาติแคนาดาที่ใช้เทคโนโลยี Thixofix™ ทำให้เจลเนื้อเรียบและเกลี่ยง่าย จึงเหมาะสำหรับการเติมเต็มที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ เช่น บริเวณใต้ตา ร่องแก้ม และริมฝีปาก โดยผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
Yvoire
เป็นฟิลเลอร์สัญชาติเกาหลีใต้ ผลิตโดยบริษัท LG Chem ที่ใช้เทคโนโลยี HICE™ ทำให้มีความคงตัวสูง จึงเหมาะกับการเติมเต็มในจุดที่ต้องการความคงทน เช่น บริเวณคาง ขมับ ร่องแก้ม โดยผลลัพธ์อยู่ได้นาน 9-12 เดือน
หลังฉีดฟิลเลอร์สามารถเห็นผลลัพธ์ภายในกี่วัน
ฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ให้ผลลัพธ์ทันทีหลังจากฉีดเสร็จ โดยปกติแล้วนั้น ผลลัพธ์จะเข้าที่สมบูรณ์ภายใน 7-14 วัน หลังจากนั้นคุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของบริเวณที่ฉีด อย่างไรก็ตาม อาจมีอาการบวมเล็กน้อย ทำให้ผลลัพธ์อาจจะยังไม่ชัดเจนในช่วงแรก และหากผลลัพธ์ยังไม่เข้าที่หลังจาก 2 สัปดาห์ สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบหรือปรับแก้ได้
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ มีข้อเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์เป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้การฉีดฟิลเลอร์เป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ผู้รับบริการควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
- ปรึกษาแพทย์เรื่องบริเวณที่ต้องการจะแก้ไข และแจ้งการรักษาอื่นๆ ที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ เช่น ทำเลเซอร์ ร้อยไหม หรือศัลยกรรมอื่นๆ รวมไปถึงแจ้งประวัติสุขภาพเกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาที่ทานประจำ และการแพ้ยาต่างๆ เพื่อให้แพทย์รับรู้และประเมินการรักษาได้อย่างถูกต้อง
- งดยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน และยาต้านการอักเสบ ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนฉีดฟิลเลอร์
- งดวิตามินเสริมบางชนิด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนฉีดฟิลเลอร์
- ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1-2 วันก่อนฉีด
- นอนหลับให้เพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และช่วยให้การฟื้นตัวหลังฉีดฟิลเลอร์เป็นไปได้ดีขึ้น
- งดแต่งหน้าบริเวณใบหน้าในวันที่จะฉีดฟิลเลอร์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- งดกิจกรรมที่กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต เช่น การออกกำลังกายหนักๆ
วิธีการดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้เข้าที่ไว้ที่สุด
การดูแลตัวเองหลังจากฉีดฟิลเลอร์จะช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้ดี ลดอาการบวมช้ำ และช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานขึ้น โดยผู้เข้ารับบริการสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้
- ควรประคบเย็นด้วยผ้าเย็นหรือเจลเย็นประมาณ 15-20 นาที ทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อช่วยลดอาการบวมและรอยช้ำ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส กด หรือขยับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
- งดออกกำลังกายหนัก เพราะอาจทำให้เลือดสูบฉีดเร็วขึ้นและเพิ่มโอกาสการบวมช้ำขึ้นได้
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะส่งผลทำให้เลือดบางลง และอาจเกิดรอยช้ำได้ง่ายขึ้น
- ไม่ควรอยู่ในที่ร้อนจัด หรืออาบน้ำอุ่นจัดจนเกินไป
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ได้
- งดการทำทรีทเมนต์ เช่น เลเซอร์ ร้อยไหม หรือการสครับผิวบริเวณที่ฉีด
- พยายามดื่มน้ำให้มากๆ เพราะจะช่วยให้ฟิลเลอร์อิ่มตัวและอยู่ตัวได้ดีขึ้น
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ไวขึ้น
หัตถการปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงรูปลักษณ์ของใบหน้าให้ดูดีขึ้น ซึ่งฟิลเลอร์คือ สารเติมเต็มที่ใช้ปรับรูปหน้า แก้ปัญหาร่องลึก เพิ่มความอิ่มเอิบ และเติมเต็มส่วนที่ขาด เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม และคาง ที่ให้ผลลัพธ์ทันทีและอยู่ได้นานถึง 6-24 เดือน ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ที่มีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์ก่อนตัดสินใจ และควรเลือกทำคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพอใจ โดยหลังฉีดฟิลเลอร์ควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำ เช่น หลีกเลี่ยงการจับบริเวณที่ฉีด งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ และพักผ่อนให้เพียงพอ หากคนไข้มีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจลุกลาม