ตรวจระบบไฟฟ้าประจำปี จำเป็นแค่ไหน? มาตรฐานและขั้นตอนที่ควรรู้
ตรวจระบบไฟฟ้าด้วยตัวเอง หรือใช้บริการตรวจสอบระบบไฟฟ้าจากผู้เชี่ยวชาญโดยมีการตรวจรับรองระบบไฟฟ้าจะช่วยแก้ปัญหาไฟฟ้ารั่ว ปลอดภัยในการใช้งานและทรัพย์สิน
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ไฟฟ้าในระดับองค์กรต่าง ๆ ควรมีการตรวจระบบไฟฟ้าประจำปีซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบในอาคารหรือที่พักอาศัย โดยควรมีการตรวจสอบโดยช่างที่มีความชำนาญในการตรวจระบบไฟฟ้าที่พร้อมให้คำแนะนำในการสังเกตการณ์ใช้งานและข้อปฏิบัติในหลาย ๆ กรณี เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร หรือไฟฟ้ารั่ว เพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิต
การตรวจระบบไฟฟ้าคืออะไร?
การตรวจสอบระบบไฟฟ้า ก็คือขั้นตอนที่มีความสำคัญมาก ๆ เพื่อตรวจระบบไฟฟ้าว่ามีความผิดปกติหรือไม่ในการใช้งานเพื่อความปลอดภัยและไม่ทำให้เกิดอันตรายจากไฟฟ้า จึงควรมีการตรวจรับรองความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอทั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ สายไฟ จุดเชื่อมต่อและจุดจ่ายไฟต่าง ๆ เพื่อควบคุมการใช้งานให้ปลอดภัยและมั่นใจได้ว่าระบบไฟฟ้าพร้อมทั้งการใช้ปริมาณไฟฟ้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ความสำคัญของตรวจสอบระบบไฟฟ้า
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ไฟฟ้าจึงควรมีการตรวจระบบไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงกรณีที่มีเหตุไฟดับ ที่ควรมีความรู้เบื้องต้นเพื่อทำการเช็คจุดใดบ้าง เพื่อหาสาเหตุและหากพบว่ามีอุปกรณ์ชำรุดที่ไม่สามารถซ่อมแซมด้วยตัวเองได้ให้เรียกใช้บริการตรวจสอบระบบไฟฟ้าจากช่างไฟรวมถึงมีการตรวจรับรองระบบไฟฟ้า เพื่อให้มั่นใจในการใช้ไฟฟ้าที่ปลอดภัย และช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ
ต้องตรวจระบบไฟฟ้าจุดใดบ้าง?
การตรวจสอบระบบไฟฟ้าในอาคารหรือที่พักอาศัยเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้แน่ใจว่าทุกอย่างทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งควรต้องมีความรู้เบื้องต้นในการตรวจระบบไฟฟ้าด้วย หากเกิดกรณีไฟดับหรือไฟตก โดยเริ่มต้นควรจะต้องตรวจเช็คระบบไฟฟ้าตรงจุดไหนบ้าง ซึ่งหากมีอุปกรณ์ชำรุดหรือเสื่อมสภาพ จะได้แจ้งช่างหรือเรียกใช้บริการตรวจสอบระบบไฟฟ้าแบบครบวงจร
1. ตรวจสอบเมนสวิตช์
เมนสวิตช์เป็นส่วนแรกของระบบไฟฟ้าที่ควรตรวจเช็ค เนื่องจากเป็นจุดควบคุมการจ่ายไฟฟ้าทั้งหมดภายในอาคารและที่พักอาศัย เป็นการตรวจระบบไฟฟ้าการทำงานปกติหรือไม่ เช่น เมื่อปิดสวิตช์ ไฟฟ้าควรหยุดจ่ายไปยังส่วนต่าง ๆ และเมื่อต้องการใช้งานก็สามารถเปิดได้ นอกจากตรวจระบบไฟฟ้าแล้วจะต้องเช็กสภาพของอุปกรณ์ว่าชำรุดหรือมีรอยไฟม้ สายไฟเสื่อมสภาพหรือไม่
2. ตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้า
การตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้าเป็นอีกจุดสำคัญที่ควรใส่ใจ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่บอกปริมาณการใช้ไฟฟ้าซึ่งการตรวจระบบไฟฟ้าจะทำให้แน่ใจว่าการใช้ไฟเป็นไปตามจริงหรือไม่ มีไฟรั่วไหมจากการสังเกตว่ามิเตอร์ไฟหมุนเร็วผิดปกติหรือยังหมุนอยู่ในขณะที่ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าหมดแล้ว ซึ่งจะทำให้รู้ถึงปัญหาทั้งเรื่องไฟรั่วและมิเตอร์ก็อาจผิดปกติซึ่งควรติดต่อเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป
3. ตรวจสอบเต้ารับไฟฟ้า
เต้ารับไฟฟ้าเป็นจุดที่ใช้เสียบปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ซึ่งต้องมีการใช้งานบ่อย จึงควรตรวจระบบไฟฟ้าและวัสดุยังใช้งานปกติหรือไม่ ซึ่งเต้ารับไฟฟ้าจะต้องไม่มีรอยไหม้ไม่มีไฟรั่ว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาไฟช็อตและไม่เป็นอันตรายในการใช้งานจนนำไปสู่การเกิดอัคคีภัยได้
4. ตรวจสอบสายไฟฟ้า
สายไฟฟ้าเป็นส่วนที่สำคัญและมักเป็นสาเหตุของการเกิดอันตรายจากไฟฟ้าช็อต ไฟรั่ว จึงควรตรวจระบบไฟฟ้าว่ามีการชำรุด ขาด หรือสายไฟเก่าเกินไปหรือไม่เพื่อทำการซ่อมแซม หรือจำเป็นจะต้องเปลี่ยนสายไฟที่อยู่ภายในผนังซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้บริการตรวจสอบระบบไฟฟ้าจากช่างโดยหากเป็นมีความเสี่ยงต่อการถูกน้ำหรือความชื้นควรรีบเปลี่ยนทันทีเพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร
5. ตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้า
การตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้าก็เป็นสิ่งสำคัญ ส่วนหนึ่งเพื่อความปลอดภัยในการใช้งานทั้งระบบสายไฟและ อุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงปลั๊กไฟว่าชำรุดหรือมีไฟรั่วหรือไม่ การตรวจระบบไฟฟ้าสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าในแต่ละประเภทจะช่วยเรื่องความปลอดภัยในการใช้งานที่จะไม่ทำให้เกิดไฟรั่ว ไฟช็อตและยังเป็นการยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้นด้วย
เราสามารถตรวจระบบไฟฟ้าเองได้ไหม?
เราสามารถตรวจสอบระบบไฟฟ้าด้วยตัวเองได้ในเบื้องต้น เพียงแต่การทำงานกับไฟฟ้าต้องมีความระมัดระวังอย่างมาก สิ่งที่ควรทำอย่างแรกในการตรวจระบบไฟฟ้าคือปิดเบรกเกอร์ก่อนทุกครั้งที่เช็คไฟหรือซ่อมแซม เช่น การตรวจสอบสายไฟที่อาจจะหลวม มีอุปกรณ์ใดที่มีรอยไหม้หรือชำรุด มีไฟรั่วหรือไม่ หากพบปัญหาใหญ่ เช่น การเดินไฟที่ผิดปกติ หรือไฟฟ้าช็อต ควรใช้บริการตรวจสอบระบบไฟฟ้าช่างไฟโดยเฉพาะ
สรุปครบจบ ตรวจระบบไฟฟ้าเองได้ง่าย ๆ ป้องกันอัคคีภัยและประหยัดค่าไฟ
การตรวจระบบไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในบ้านและอาคาร ระบบไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพหรือชำรุดอาจเป็นสาเหตุของปัญหาต่าง ๆ เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร ไฟรั่วหรือไฟดับ ดังนั้น จึงควรตรวจรับรองความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าโดยช่างที่มีประสบการณ์อย่างสม่ำเสมอเพื่อมั่นใจในความปลอดภัยจากการใช้งานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้รับความคุ้มค่ามากที่สุด