วาซาบิ (wasabi) คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร ?

by sator4u_team @9 ก.พ. 57 13:44 ( IP : 180...182 ) | Tags : คลังสมอง-น่ารู้-สัพเพเหระ
  • photo  , 402x599 pixel , 61,365 bytes.

หลายคนคงจะเคยลองลิ้มชิมรสกับ อาหารญี่ปุ่น กันบ้างแล้ว และหลายคนก็คงจะได้ลองสัมผัสกับความฉุนของเจ้า "วาซาบิ" ที่ถือว่าเป็นเครื่องปรุงอย่างหนึ่งของ อาหารญี่ปุ่น กันแล้ว บางคนอาจจะหลงใหลในรสฉุนดังกล่าว บางคนอาจจะร้องยี้ แต่รู้หรือไม่คะว่า ใน "วาซาบิ" ที่คุณเขี่ยให้ห่างเวลาทานอาหารญี่ปุ่นนั้น มีประโยชน์มากมาย ที่นอกจากจะช่วยทำให้โล่งจมูก และอาจช่วยป้องกัน โรคมะเร็งแล้ว ยังอาจจะช่วยป้องกันฟันผุได้ด้วย

นายฮิเดกิ มาซูดะ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของบริษัท โอกาวะ ผู้ผลิตเครื่องปรุงรส ของญี่ปุ่น กล่าวว่า สารประกอบทางเคมีในวาซาบิ นอกจากทำให้วาซาบิ มีรสชาติ และกลิ่นรุนแรงแล้ว ยังสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ ที่เป็นต้นเหตุของฟันผุ โดยวาซาบิประกอบด้วย ไอโซทิโอไซยาเนตส์ ซึ่งนักวิจัยพบว่า สามารถยับยั้งการผลิตเอนไซม์ ที่มีส่วนสำคัญ ในการก่อตัวของ หินปูน ก่อนหน้านี้วาซาบิ เคยมีชื่อเสียงในเรื่องของการป้องกันเลือดจับตัวเป็นก้อน ลดความเสี่ยง ต่อการเป็นมะเร็ง และป้องกันโรคหอบหืด

โตชิโอะ ลิยาม่า หัวหน้าทีมวิจัยวาซาบิ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงโตเกียว ระบุว่า วาซาบิมีผลในการฆ่าเชื้อโรค มันสามารถต่อต้านการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด และยังสามารถกำจัดพยาธิ อนิซาคิส (Anisakis) ที่อาศัยอยู่ในปลา เมื่อมันผ่านเข้าไปในระบบย่อยอาหารของมนุษย์

และผลการวิจัยล่าสุด นับเป็นครั้งแรกที่มีการค้นพบว่าวาซาบิ สามารถป้องกันฟันผุได้ แต่เนื่องจากผลการวิจัยยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นเท่านั้น นักวิจัยจึงเห็นว่า จำเป็นที่จะต้องมีการศึกษาค้นคว้ากันต่อไป เพื่อยืนยันในประสิทธิภาพของเครื่องปรุงรสชนิดนี้ และหากผลการทดลองยืนยันว่า ใช้ได้ผลดีกับมนุษย์ เราอาจจะเห็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวาซาบิอย่างกว้างขวาง รวมทั้งในรูปของยาสีฟัน แต่อาจจะต้องมีการ ปรับปรุงรสชาติใหม่

วาซาบิ เป็นเครื่องปรุงที่ทำมาจากต้น คาโนลา (Canola) โดยนำส่วนโคนลำต้นที่มีความหนาออกมาใช้ แต่หลาย ๆ คนมักเข้าใจผิดว่าเป็นส่วนรากของมัน เมื่อนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร วาซาบิจะมาในรูปของเครื่องปรุงรสที่มีกลิ่นฉุน รับประทานเข้าไปแล้วจะทำให้แสบจมูกในระยะสั้น ๆ ก่อนที่รสชาติจะเปลี่ยนเป็นความกลมกล่อม ทั้งขมทั้งหวานผสมกัน

วาซาบิ เป็นเครื่องปรุงรสที่ชาวญี่ปุ่นใช้กันมานานกว่าพันปี แต่เมื่อไม่นานนี้ มันกลายมาเป็นเครื่องปรุงยอดนิยมประจำโต๊ะอาหาร และกลายเป็นศิลปะอย่างหนึ่งในการทำครัวของชาวญี่ปุ่นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และยังมีการค้นพบว่า ผู้ที่รับประทานปลาดิบพร้อมกับวาซาบิจะไม่ค่อยป่วยเป็นอะไร


+)  +)  +)  +)  +)  +)  +)  +)  +)  +)  +)  +)  +)  +)  +)


วาซาบิ คือ อะไร

วาซาบิ (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ คือ Wasabia japonica) เป็นพืชในวงศ์ Brassicaceae (Cruciferae) จัดเป็นไม้ยืนต้นที่อยู่ในตระกูลเดียวกับพวกบรอกโคลีและพืชตระกูลกระหล่ำ นับเป็นสมุนไพรดั้งเดิมของญี่ปุ่น ในภาษาเขียนของญี่ปุ่นจะเขียนว่า “โฮลีฮอค - ภูเขา” เนื่องจากใบของวาซาบิมีลักษณะคล้ายกับดอกโฮลีฮอค วาซาบิเป็นไม้ยืนต้นที่มีความสูงแค่เข่า เป็นพืชที่ต้องการความชื้นสูง และจะสร้างรากแก้ว (ซึ่งจะนำมาใช้ทำวาซาบิบดนั่นเอง) และรากฝอยเล็กๆ ใต้ดิน ในโลกมีพืชที่มีความฉุน แบบเผ็ดร้อนขึ้นจมูกที่คล้ายคลึงกันอยู่ 3 ชนิด คือ

1) วาซาบิ

2) มัสตาร์ด

3) ฮอสแรดิช


จากพืชทั้ง 3 ชนิดนี้ วาซาบิเป็นพืชที่มีราคาแพงที่สุด เนื่องจากเพาะปลูกได้ยากที่สุด  สามารถปลูกได้ทั้งบนพื้นดิน และพื้นน้ำ ผลผลิตที่ได้จากการปลูกบนพื้นน้ำจะมีคุณภาพสูงกว่าพืชที่โตในพื้นดิน แต่ราคาก็สูงกว่าด้วย เนื่องจากต้องใช้เทคนิคในการปลูกที่ยากกว่า


แหล่งที่ปลูกวาซาบิอยู่ที่ "ชิมิทสึ" แปลว่า น้ำสะอาด การปลูกวาซาบินั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่ต้องลงทุนค่อนข้างสูง พืชชนิดนี้มักจะปลูกในที่โล่ง แต่จะต้องมีการจำกัดปริมาณแสงแดดไม่ให้ส่องลงมาถูกต้นพืชโดยตรงในช่วงฤดูร้อน (ถ้าโดนแล้วจะให้ผลไม่ดี) เนื่องจากมีแหล่งปลูกที่จำกัดจึงทำให้วาซาบิมีราคาค่อนข้างสูง ที่ประเทศไทยนั้นตามร้านอาหารมีระดับ หรือตามโรงแรมบางแห่งเท่านั้นที่จะใช้โคนต้นวาซาบิสดบด เพราะต้องนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นด้วยราคากิโลกรัมละหลายพันบาท ดังนั้นจึงมีวาซาบิเทียมซึ่งมีลักษณะเป็นผงสีเขียวและปรุงแต่งกลิ่นและสีเพิ่มขึ้น เมื่อนำมาผสมและกวนกับน้ำเย็นแล้วทิ้งไว้สักครู่ก็จะมีหน้าตาเหมือนกับวาซาบิของแท้แต่กลิ่นรสจะฉุนจัดจ้านกว่าเรียกว่า "ผงวาซาบิ" แม้ว่าผลิตผลจะเผ็ดเกินกว่าที่จะนำมารับประทานเดี่ยวๆ แต่ก็ได้รับการสั่งนำเข้าจำนวนมากจากบริษัทใหญ่ๆ ในญี่ปุ่น เพื่อที่จะนำมาผสมผสานกับเครื่องปรุงอื่นๆ เช่น หัวไชเท้าและเครื่องเทศ ที่เรียกกันว่า "เนริวาซาบิ" และตลาดของเครื่องปรุงเนริวาซาบิ มีมูลค่าถึง 16 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี ในขณะที่วาซาบิแบบดั้งเดิมมีมูลค่าในตลาด 36 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี


ประโยชน์ของวาซาบิ

มีการปลูก วาซาบิ และนำมารับประทานในประเทศญี่ปุ่นมานานหลายศตวรรษ เพราะมีความเชื่อว่าการบริโภควาซาบิ เป็นประจำจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ และยังช่วยต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ ต่าง ๆ มากมาย  จากการศึกษาวิจัยทำให้ค้นพบว่าส่วนประกอบของ วาซาบิ สามารถช่วยในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้

ช่วยฆ่าเซลล์มะเร็งชนิดต่าง ๆ

ช่วยหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในกระเพาะอาหาร

ช่วยป้องกันเลือดแข็งตัว

ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันในการกำจัดเซลล์ที่เริ่มผิดปกติ

ช่วยต่อต้านแบคทีเรีย และเชื้อราที่ทำให้เกิดอาหารเป็นพิษ

ช่วยป้องกันฝันผุ

กลิ่นฉุนของวาซาบิจะช่วยดับกลิ่นคาวของอาหารทะเลได้ทุกชนิด เพราะสารที่อยู่ในวาซาบิเมื่อฝนเป็นแป้งกระทบกับออกซิเจนในอากาศ จะเกิดปฏิกิริยาเป็นทั้งกลิ่นฉุนและให้รสรุนแรง สารนี้จะมีประโยชน์ในการกระตุ้นต่อมน้ำลายให้ขับน้ำลายออกมา ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการย่อย อีกทั้งในวาซาบิยังอุดมด้วยวิตามินซี

วาซาบิ

จากประโยชน์ดังกล่าว คนญี่ปุ่นจึงนิยมรับประทานวาซาบิ กับปลาดิบ เพื่อป้องกันเชิ้อโรคที่อาจมีได้  แต่วาซาบินั้นต้องเป็นวาซาบิจริงๆ เท่านั้น ไม่ใช่แค่ วาซาชิแบบผง

ผงวาซาบิ

ผงวาซาบิ ผงวาซาบิที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด คิดว่าทำมาจากวาซาบิสดที่ถูกทำให้แห้งแล้วบดเป็นผง แต่ในความจริงแล้วเป็นวาซาบิเทียมที่ทำจากฮอร์สแรดิชผสมกับผงมัสตาร์ด (ซึ่งให้ความฉุนแบบเผ็ดร้อนขึ้นจมูกคล้ายวาซาบิ) แป้ง และ สีผสมอาหาร โดยไม่มีส่วนผสมของวาซาบิเลย แต่ให้รสชาติที่ใกล้เคียงกัน เพียงแต่ว่าความฉุนนั้นจะหายไปรวดเร็วกว่า ผงวาซาบิทำขึ้นเพื่อทดแทนวาซาบิบดสดที่มีราคาสูง และไม่สามารถเก็บรักษาได้นานเท่าผงวาซาบิ


วิธีทำ วาซาบิ

ฝนวาซาบิด้วยแผ่นเหงือกปลาฉลาม นำส่วนโคนลำต้นที่มีความหนาออกมาใช้ และหลายๆ คนมักจะเข้าใจผิดว่าเป็นส่วนรากของมัน เวลาจะนำไปรับประทาน หรือประกอบอาหารนั้นจะต้องมีกรรมวิธีพิเศษคือนำวาซาบิไปฝนกับเครื่องฝนพิเศษที่ทำมาจากเหงือกปลาฉลาม (Wasabi Oroshi) ซึ่งจะมีปุ่มขนาดเล็กๆ จนทำให้ผลวาซาบิละเอียดจนมีลักษณะคล้ายครีมสีเขียว ส่วนมากนิยมทำไปทานกับเนื้อปลาเพื่อเสริมรสชาติและลดกลิ่นคาวของปลา โดยส่วนมากนิยมนำวาซาบิไปใช้กับเนื้อปลาด้วยการนำไปแต้มบนเนื้อปลาก่อนก่อนจากนั้นค่อยจิ้มกับโชยุที่ใช้เป็นน้ำจิ้มสำหรับปลาดิบ (ซะชิมิ, sashimi) หรือ ซูชิ (sushi) เพื่อให้ได้รสชาติอร่อยยิ่งขึ้น


วาซาบิ

มักจะเข้าใจกันว่าวาซาบิสามารถช่วยให้หายใจโล่งขึ้น หรือบรรเทาอาการหวัด เนื่องจากเวลารับประทานวาซาบิแล้วจะรู้สึกฉุนและเผ็ดร้อนขึ้นจมูก แต่มีผลการทดลองของนักวิจัยชาวสหรัฐอเมริกาค้นพบว่า วาซาบิแทนที่จะช่วยให้การหายใจดีขึ้น กลับอาจทำให้การหายใจที่ติดขัดอยู่แล้วนั้นแย่ลง ศูนย์การแพทย์ Kaiser Permanente Medical Center ในเมืองโอคแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนียได้ทำการศึกษาผลของวาซาบิ กับอาสาสมัครสุขภาพดีจำนวน 22 คน โดยมีการให้รับวาซาบิหลายๆ ครั้ง และมีการวัดการระบายในช่องจมูก เพื่อศึกษาผลต่อการหายใจในช่องจมูก หลังการศึกษาได้ผลสรุปว่าจริงๆ แล้ววาซาบิทำให้ทางเดินหายใจติดขัด ซึ่งผู้รับประทานมักจะรู้สึกและเข้าใจเองว่า วาซาบิทำให้ทางเดินหายใจโล่งขึ้น แต่แท้ที่จริงแล้ววาซาบิจะเป็นตัวที่ทำให้การไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงในโพรงจมูกเพิ่มขึ้นซึ่งเลือดเหล่านี้จะทำให้ทางเดินหายใจถูกปิดกั้น หรืออุดตันลง ส่วนสาเหตุที่ทำให้รู้สึกเหมือนจมูกโล่งขึ้น เพราะการเปลี่ยนแปลงของการไหลเวียนของเลือดที่ว่านี้ ทำให้เกิดความเย็นของลมหายใจที่ผ่านช่องโพรงจมูก หรืออาจเป็นเพราะการกระตุ้นที่โพรงจมูกในชั่วขณะหนึ่งเพื่อให้อากาศไหลผ่านกลับมาได้สะดวกเป็นเหตุให้เกิดความรู้สึกจมูกโล่งขึ้นได้





อาหารญี่ปุ่นมีวาซาบิ อาหารแขกเติมผงกะหรี่ อาหารฝรั่งใส่มัสตาร์ด อาหารจีนใช้ขิงและพริกไทย ขณะที่อาหารไทยใช้กระเทียมและใบกระเพรามาช่วยสร้างรสเผ็ดร้อน แน่นอน…ทั้งหมดที่เอ่ยชื่อมามีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งสิ้น ใครชอบแบบไหนสามารถเลือกได้ตามรสนิยม และสามารถเลือกได้ทุกแบบที่กล่าวมา ตามโอกาสที่เหมาะสม


รู้อย่างนี้แล้ว อย่าได้ร้องยี้ แล้วเขี่ย วาซาบิ ทิ้งเด็ดขาดนะค่ะ


Cr. // wiki , healthyandbeauty , goodluckbiz.com , สยามดารา , sanook

Relate topics

Post new comment

« 3848
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง