สะตอฟอร์ยู ::: สนับสนุนให้คนใต้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น!!!

ชาวบ้านตำบลหัวเขา สงขลา รวมพลังต่อสู้คัดค้านหัวชนฝา ไม่เห็นด้วยกับจังหวัดที่มีมติให้รื้อโพงพาง ที่ทำกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เผยไม่ใช่ต้องการเพียง 200 เมตรเพื่อใช้เป็นร่องน้ำทางเดินเรือ มีการหมกเม็ดรื้อโพงพางทั้งทะเลสาปจากปากอ่าวจรดคลองปากรอทั้งหมด 1500 ปาก แฉทะเลสาปสงขลาตื้นเขินเพราะท่าเทียบเรือของปตท.และคันกั้นคลื่นทำให้น้ำและทรายเปลี่ยนทิศทาง 15-16 นี้จะแสดงพลังรวมตัวนำเรือหางยาวปิดท่าเทียบเรือให้สังคมรับรู้ความเดือดร้อน บอกเสียใจที่รัฐหักด้ามพร้าด้วยเข่า ไม่มีอาชีพรองรับ และไม่ฟังชาวบ้าน


จากมติที่นายธำรงค์เจริญกุล ผวจ.สงขลา สั่งรื้อถอนโพงพางในทะเลสาปสงขลาที่ชาวประมงในตำบลหัวเขากว่าร้อยละ 90 ยึดเป็นอาชีพ ได้สร้างปิดกั้นร่องน้ำจากปากอ่าวบริเวณหัวพญานาคพ่นน้ำ ขนาดความกว้างร่องน้ำ 300 เมตรตวามยาวร่องน้ำ 5,000 เมตร ถึงบริเวณท่าเทียบเรือใหม่ จำนวน 22 แถว 191 ช่อง และอีก 2 ร่องน้ำได้แก่ร่องน้ำที่ 1 จากท่าเทียบเรือใหม่ยาวจรดสะพานติณสูลานนท์ อ.เมืองสงขลา และร่องน้ำที่ 2 จากสะพานติณสูลานนท์ไปจนถึงอ.สิงหนคร ซึ่งแต่ละรองนั้ำมีความกว้าง 200 เมตร ความยาวร่องน้ำ 3,000 เมตร จำนวนโพงพาน 14 แถว237 ช่องรวมระยะทาง 42 กม.โดยให้รื้อถอนภายในวันที่ 15 กันยายนนี้ โดยสั่งการให้สภ.เมืองสงขลา กรมเจ้าท่า กรมประมง ฐานทัพเรือสงขลาเป็นผู้ดำเนินการ โดยให้เหตุผลว่ากีดขวางทางน้ำรุกบ้ำที่สาธารณะประโยชน์ ทำลายพันธ์สัตว์น้ำ ทำให้่ร่องน้ำตื้นเขิน สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านตำบลหัวเขา ที่ยึดอาชีพทำโพงพางมาหลายชั่วอายุคน จำนวนกว่า 1,500 คน โดยที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย และพากันวิตกไม่รู้จะทำมาหากินอาชีพอะไร แต่จะขอคัดค้านต่อสู้ให้ที่สุดแม้จะอดตายก็ยอม


นายดลเหล๊าะ แอร่าหีม ตัวแทนชาวบ้าน หมู่ที่ 3-6 ต.หัวเขา อ.เมือง พร้อมชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งได้เผยกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องนี้ท่านกฤษฏา บุญราช อดีตผู้ว่าราชการจังหวัด เคยมาพบปะกับชาวบ้านเรื่องการจัดระเบียบโพงพางแล้ว ท่านเห็นเห็นว่าทะเลสาปกับชีวิตชาวประมงสามารถอยู่ร่วมกันได้ เราเป็นชาวทะเลสาปก็ต้องทำมาหากินกับทะเล ผู้ว่าคนใหม่ส่งหนังสือถึงคนรอบนอกขอความร่วมมือจัดระเบียบโพงพางโดยที่ชาวบ้าน ไม่ได้ขอคิดเห็นด้วยว่าเห็นชอบหรือไม่ แต่มีทางออกในการแก้ปัญหาให็ชาวบ้านกับทำอาชีพโพงพางวสามารถอยู่ร่วมกับทะเลสาปได้ สมควรอนุรักษ์ไว้อาชีพนี้ วสามารถมีข้อตลงกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองได้ โดยมีคำขวัญโบราณว่าบ้านสะทิ้งทำหม้อ เกาะยอทำอ่าง หัวเขาดักโพงพาง บ่อยางทำเคย บ่อเตยทำด้าย


นายหมัดสัน หวันประรัตน์ ตัวแทนชาวบ้านอีกคนหนึ่งได้กล่าว่า อยากให้ตัวแทนของกองทัพเรือ กรมเจ้าท่า ตำรวจน้ำ และผู้ประกอบการเรือมาสำรวจว่าคุณต้องการร่องน้ำเดินเรือกี่เมตรให้ชัดเจน เราพร้อมที่จะถอยให้ ชาวบ้านได้มีอาชีพที่เขาหวงแหนมานานอยากทำมาหากินสิ่งที่ตัวเองถนัดได้เหมือนเดิม และอยากให้ผู้ว่าคนปัจจุบันมาพบปะกับชาวบ้าน เราส่งหนังสือไปเพื่อขอเข้าพบขอเจรจาหาทางออก มาทำข้อตกลงแต่ผู้ว่าไม่เคยให้พบ ปลาในทะเลสาปสงขลามีวงจรชีวิตปีละครั้งปลา จากอ่าวไทยจะเข้ามาในทะเลสาปช่วงปากอ่าวในช่วงฤดูวางไข่ประมาณต้นปี แล้วไปเจริญพันธ์ในกลางทะเลสาป และไปโตปลายทะเลสาป ชาวบ้านจะดักโพงพาง จากกระแสน้ำลงจากปลายทะเลสาปปีละ 4 เดือนเท่านั้น ไม่ได้ทำลายพันธ์ปลา ทุกวันนี้ยังหากินได้เหมือนเดิมปลาไม่ได้หมดไปจากทะเลสาปเหมือนดังเจ้าหน้าที่ใส่ร้าย ส่วนการที่ทะเลสาปมีความตื้นเขินเป็นที่ใส่ร้ายชาวประมงพท้นบ้านพวกเรา เพราะตั้งแต่ท่าเรืองของปตท.และการสร้างเขื่อนกั้นคลื่นที่ปากทเลสาป ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป ทรายที่น้ำพัดเข้ามาไม่สามารถออกกัลไปอ่าวไทยได้ มีการขุดลอกสันดอนที่คอขวด เอาดินตะกอนมาถมไว้กลางปากทางทะเลสาป จนกลายเป็นเกาะกลางทะเลซึ่งเป็นตัวชลอน้ำ หากน้ำท่วมหมาดใหญ่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ส่วนน้ำเสียในทะเลสาปเสียมาจากโรงงานอุสาหกรรมรอบทะเลสาป มาใส่ร้ายพวกเรา เราพร้อมที่จะเดินหน้าคัดค้านการรื้อโพงพางในครั้งนี้ พร้อมจะแสดงพลังให้สังคมเห็นโดยวันที่ 15 นี้เป็นวันสั่งรื้อเราจะรวมตัวกันปิดอ่าวโดยมีเรือประมาณ 1,500 ลำยืนหยัดต่อสู่อย่างเต็มที่


นายยีเส็นเป๊ะ ขุนดำ ชาวบ้านที่ยึดอาชีพโพงพางมามาตั้งแต่รุ่นพ่อ จนบัดนี้อายุปา 65 ปีแล้วกำลังยกให้ลูกเป็นมรดกอาชีพ พร้อมทั้งเปิดเผยว่ารักในอา่ชีพนี้ รู้สึกเสียใจกับการกระทำของผู้ว่าที่ไม่สงวนอาชีพชาวประมงพื้นบ้านไว้ ท่านเองก็เป็นคนจังหวัดสงขลา ทุกคนเกิดมาก็เห็นโพงพางคู่กับทะเลสาปสงขลา หากย้อนไปอาชีพนี้น่าจะมีตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ครั้นจะให้ยกเลิกอาชีพนี้ผมรับไม่ได้ หากให้เรารื้อโพงพางต้องมีอาชีพรองรับให้กับเราไม่ใช่การเลี้ยงปลากะซังซึ่งต้องใช้เวลา 1 ปีกว่าจะจับได้ พร้อมนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับจุฬาราชมนตรีว่าทางจังหวัดมีมติให้รื้อโพงพางออกทั่วทั้งทะเลสาปตั้งแต่ปากอ่าวจนถึงบ้านปากรอไม่ใช่แค่ 500 ช่องตามที่จังหวัดประกาศ นายยีเส็นเป๊ะ ขุนดำ ยืนยัน


ที่มา @ เฟสบุ๊ก สุวิทย์ แก้วห่อทอง